- Details
- Category: เกษตร
- Published: Monday, 27 July 2020 19:14
- Hits: 6177
กรมประมง...เร่งปั้น 'กะพงทอง' สู่สังเวียนสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่
กรมประมง...เร่งเพาะพันธุ์ 'ปลากะพงทอง'หรือ 'อังเกย' ป้อนตลาดอาหารซีฟู้ด หลังผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศให้ความนิยม เล็งปั้นเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ พร้อมขยายผลให้เกษตรกรได้เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงมีนโยบายในการพัฒนางานวิจัยด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับทดแทนการจับจากธรรมชาติ ซึ่งนับวันมีปริมาณลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะสัตว์น้ำเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ที่เน้นส่งเสริมให้ภาครัฐใช้การตลาดนำการผลิต เพื่อสร้างความยั่งยืน ในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรไทย
สำหรับ 'ปลากะพงทอง' ถือเป็นปลาทะเลที่ตลาดมีความต้องการอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง และจีน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเพาะเลี้ยงปลากะพงทองในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย ปลากะพงทองที่นำมาบริโภคส่วนใหญ่ได้มาจากการจับจากธรรมชาติ ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง โดยปลากะพงทองขนาด 800 - 1,000 กรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 180 -220 บาทเลยทีเดียว กรมประมงจึงได้สนับสนุนให้หน่วยงานในสังกัดเร่งทำการศึกษา วิจัย การเพาะพันธุ์ปลากะพงทองเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรได้นำลูกพันธุ์ไปเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงต่อไป
นางพิชญา ชัยนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งกล่าวในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ‘ปลากะพงทอง’หรือ ‘อังเกย’ เป็นปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีชื่อสามัญว่าGolden Snapper และชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lutjanus johnii ลักษณะลำตัวมีสีเหลืองทอง และมีจุดสีดำใหญ่ๆ บริเวณลำตัวค่อนมาทางครีบหาง ปากมีเขี้ยวและฟันแหลมคมเนื้อแน่น รสชาติดี มีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 สูง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นึ่งซีอิ้ว ต้มยำ แกงส้ม ทอดกระเทียม ลวกจิ้ม และซาซิมิ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ โดยใช้วิธีการฉีดฮอร์โมน Suprefactร่วมกับ Motilium ทั้งในพ่อและแม่พันธุ์ปลาที่จับจากธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นการสืบพันธุ์ แล้วปล่อยให้ปลาผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา แม่ปลาที่ฉีดฮอร์โมนได้วางไข่ และไข่ฟักออกเป็นตัว อัตราฟักร้อยละ 85 จากนั้นจึงนำลูกปลาวัยอ่อนไปอนุบาลต่อในบ่อคอนกรีต ซึ่งลูกปลามีอัตราการรอดและการเจริญเติบโตที่ดี
ทั้งนี้ ปัจจุบันทางศูนย์ฯ สามารถดำเนินการผลิตลูกพันธุ์ปลากะพงทองขนาด 3 เซนติเมตร หรือ 1.2 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการนำไปเลี้ยงในกระชังได้จำนวนหลายรุ่นต่อเนื่อง โดยมีการจำหน่ายให้แก่เกษตรกร ในราคาเริ่มต้นตัวละ 2 บาท (ขนาด 1 เซนติเมตร) ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง เช่น พังงา และกระบี่ ได้นำลูกพันธุ์ไปเลี้ยงในกระชังบริเวณริมฝั่งทะเล โดยให้กินปลาสดและอาหารเม็ด วันละ 1 - 2 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 8 - 9 เดือน จะได้ปลาขนาด 800 – 1,000 กรัม ก็สามารถทยอยจับขายให้กับร้านอาหารหรือภัตตาคารได้ ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังได้ทำการปล่อยลูกปลากะพงทองจำนวนหนึ่งคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประชากรในแหล่งที่อยู่อาศัยเดิมให้คงความอุดมสมบูรณ์ต่อไปอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งกรมประมง โทรศัพท์ 076 621 822 ในวันและเวลาราชการ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ