- Details
- Category: เกษตร
- Published: Thursday, 25 June 2020 19:27
- Hits: 4542
เกษตรฯ เดินหน้า 6 มาตรการปฏิรูปยางพาราตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอล
กระทรวงเกษตรฯ รุกหนักเตรียมเดินหน้า 6 มาตรการปฏิรูปยางพารา เพิ่มรายได้ชาวสวนยาง เน้นลงทุนแปรรูปส่งเสริมวิจัยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อยอดรับเบอร์ซิตี้ ปรับกลยุทธ์การขายเจาะจีนทุกมณฑล เร่งตั้งตลาดยาง ‘ไทยคอม’ ลดพื้นที่สวนยาง2ล้านไร่ เพิ่มใช้ยางในประเทศ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราและรักษาเสถียรภาพราคายางแถลงวันนี้(24มิ.ย 63) ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าตามที่มีการประชุมคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราและรักษาเสถียรภาพราคายาง ครั้งที่ 3/2563 ณ ห้องประชุมรัษฎา การยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นายณกรณ์ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทยและตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยาง ภาคเอกชนผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ประชุมได้รับทราบถึงสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 3–4% ต่อปีจากพื้นที่เพาะปลูกใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดหลังจากเร่งขยายพื้นที่เพาะปลูกในช่วงปี 2547-2555
โดยเฉพาะผลผลิตของจีนที่ปลูกในกลุ่มประเทศ CLMV ในขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราของโลกคาดว่าจะขยายตัว 4-5% ต่อปี ส่งผลให้ยังคงมีผลผลิตยางพาราส่วนเกินเฉลี่ยกว่า 3.5-4.5 แสนตันต่อปี และจะมีผลให้ค่าคาดการณ์สต๊อกยางพาราโลกสูงกว่า 4 ล้านตันในช่วงปี 2562- 2563 ซึ่งจะกดดันให้ราคายางพาราในตลาดโลกในช่วงปี 2563-2564 มี แนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปลายปี 2561 ทั้งยังเผชิญวิกฤติโควิด19ตั้งแต่ต้นปี2563ส่งผลต่อการผลิต ตลาดและราคาทั่วโลก
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯได้พิจารณาถึงสถานการณ์ปัญหาทั้งในเชิงโอกาสในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกยางพาราอันดับ1ของโลกด้วยมูลค่ากว่า1.2แสนล้านบาทและส่งออกยางรถยนต์อันดับ4ของโลกส่งออกถุงมือยางอันดับ2ของโลกจึงมีมติกำหนด 6 มาตรการ ปฏิรูปยางพาราชุดแรกเพื่อตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอลจากผลกระทบของโควิด19โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ชาวสวนยางและสถาบันยางพร้อมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและแก้ไขปัญหาราคาทำให้เกิดเสถียรภาพราคายางพาราทั้งระยะสั้นและรายะยาว ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดังนี้
1.มาตรการตลาดและราคา(Market & Price)เนื่องจากตลาดซื้อขายล่วงหน้ามีอิทธิพลต่อราคาอ้างอิงในตลาดซื้อขายจริงโดยเฉพาะตลาดซื้อขายล่วงหน้า4ตลาดหลักคือตลาดเซี่ยงไฮ้ โตเกียว สิงคโปร์และมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดผู้ซื้อในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกและเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ1ของโลกแต่มีบทบาทน้อยมากต่อการกำหนดราคาซื้อขายยางพาราจึงเห็นควรให้เร่งศึกษาหาข้อสรุปการจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบจริง (Physical Forward Market) ของยางพาราที่เรียกว่า “ตลาดไทยคอม”(ThaiCom)ซึ่งเป็นตลาดลูกผสมแบบ ไฮบริด(Hybrid)ระหว่างตลาดซื้อขายจริง(Spot Market)กับตลาดซื้อขายล่วงหน้า(Future Market)
โดยดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของการยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า(EXIM Bank)โดยให้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่ประกอบไปด้วยผู้เขี่ยวชาญศึกษาจัดทำรายงานเสนอภายใน90วันและระหว่างนี้ให้กยท.เสนอรายงานแนวคิดเบื้องต้น(Concept paper)เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อรับทราบแนวทางนโยบาย หากเห็นชอบในหลักการให้คณะทำงานจัดทำรายงานขั้นสุดท้ายเสนอคณะกรรมการฯเพื่อพิจารณาก่อนเสนอต่อคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
2.มาตรการการบริหารด้านอุปทาน(Supply Side Management)กำหนดให้ลดพื้นที่สวนยาง2ล้านไร่โดยลดพื้นที่สวนยางปีละ2แสนไร่เป็นเวลา10ปีเพื่อลดปริมาณการผลิตโดยขอการสนับสนุนไร่ละ10,000บาทจากรัฐบาลเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้ ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานภาครัฐเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศและมอบหมายกยท.เพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราตามความต้องการของภาครัฐและตลาดทั้งในและต่างประเทศ
3.มาตรการการบริหารด้านอุปสงค์ (Demand Side Management)เร่งขยายตลาดในจีนโดยให้ขยายการค้ายางพาราให้ครอบคลุมในทุกมณฑลของประเทศจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการขายยางพาราต่อยอดจากในอดีตที่การค้ายางกระจุกตัวอยู่ในบางมณฑลรวมทั้งการขยายตลาดหลักอื่นๆและเปิดตลาดใหม่ๆโดยให้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการค้ายางพารากับจีนและตลาดหลักเป็นการเร่งด่วนเพื่อกำหนดแนวทางการตลาดและการขายเชิงรุกทั้งรูปแบบการค้าออนไลน์และออฟไลน์รวมทั้งการสร้างมาตรฐานของผลผลิตและผลิตภัณฑ์ยางพาราตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมยางพาราของไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีมติให้กยท.จัดงาน “ยางพาราเอ็กซ์โปบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเสมือนจริง(Virtual Platform)เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าและการจับคู่ธุรกิจระหว่างประเทศ
4.มาตรการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเร่งส่งเสริมการลงทุนโรงงานผลิตถุงมือยางรวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆตอบโจทย์ความต้องการใหม่ในยุคนิวนอร์มอล(New Normal)จากผลกระทบของโควิด19โดยเร่งเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนในรับเบอร์ซิตี้(Rubber City)และพื้นที่ใกล้แหล่งผลิตยางพาราพร้อมกับเร่งศึกษาโครงการรับเบอร์คอมเพล็กซ์(Rubber Complex)ที่นครศรีธรรมราชและให้กยท. จัดโครงการประกวดนวัตกรรมการแปรรูปยางโดยเชื่อมโยงกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC)เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับชาวสวนยางและสถาบันยาง
5.มาตรการลดสต็อกยางพาราให้กยท.เสนอแนวทางการบริหารจัดการสต็อกยางพาราที่คงค้างกว่า1แสนตัน โดยให้เสนอต่อคณะกรรมการในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 9 กรกฎาคมทั้งนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบด้านราคา
“มาตรการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบยางพาราทั้ง6แนวทางเป็นมาตรการชุดแรกที่จะตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอลพุ่งเป้าไปที่การสร้างกลไกและกลยุทธ์ใหม่ๆในการรักษาเสถียรภาพราคาและเพิ่มรายได้ชาวสวนยาง โดยเน้นย้ำให้กยท.ดำเนินการบริหารจัดการแบบภาวะวิกฤต(Crisis management)ภายใต้สถานการณ์โควิด19ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดและราคายางพาราทั่วโลกเพื่อความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ในการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมกับฝากกยท.ดูแลชาวสวนยางให้ได้รับเงินเยียวยาอย่าให้ใครตกหล่นตามนโยบายของรัฐบาลและเร่งดำเนินโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางระยะที่2เป็นการด่วนหลังจากคณะกรรมการนโยบายยางพาราให้ความเห็นชอบ” นายอลงกรณ์ กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ