- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 06 September 2014 22:34
- Hits: 3021
สั่งล้างหนี้จำนำข้าว 5 แสน ล. 'หม่อมอุ๋ย' ถก 3 หน่วยงานรัฐเช็คสต๊อกทั่วประเทศ
บ้านเมือง : 'หม่อมอุ๋ย'เตรียมเรียกถก 3 หน่วยงานรัฐ สังคายนาล้างหนี้เน่าจำนำข้าว 5 แสนล้าน เล็งตั้งกรรมการตรวจสอบ สต๊อกข้าวทั่วประเทศ ขณะที่ ธ.ก.ส.เล็งยืดหนี้ชาวสวนยางรับผลกระทบรายได้วูบ หลังมีผลกระทบจากราคายางตกต่ำ
แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ล่าสุด ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินการแยกหนี้จำนำข้าว 5 แสนล้านบาท ที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาและร่วมกันหารือ เพื่อหาวิธีการบริหารหนี้จำนำข้าวก้อนนี้ต่างหาก เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ที่จะต้องมาแบกรับในอนาคตด้วย เบื้องต้น สบน.ประเมินว่าหากสามารถชำระหนี้จำนำข้าวก้อนหนี้ได้ทั้งหมด จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ลดลงเกือบ 1% จากเดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ 47%
ทั้งนี้ วิธีการดำเนินล้างหนี้จำนำข้าวดังกล่าว จะต้องรอคณะอนุกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าว สรุปผลการตรวจสอบ สต๊อกข้าวทั้งหมดทั่วประเทศก่อน ว่าจะมีข้าวเสื่อมสภาพไปมากเท่าไหร่ และข้าวดีเท่าไหร่ และขณะนี้ได้ให้ทางกระทรวงพาณิชย์เร่งระบายข้าวในราคาตลาดปัจจุบัน รวมถึงทำรายงานแผนระบายข้าวเพื่อลดหนี้ดังกล่าวกลับมาเสนอ จะลดหนี้ได้เท่าไหร่และหนี้ส่วนที่เหลือต้องตั้งงบประมาณชำระหนี้กี่ปี ส่วนทาง ธ.ก.ส. ประเมินภาระต้นทุนที่ใช้สภาพคล่อง 9 หมื่นล้านบาท มาดำเนินโครงการดังกล่าว รวมถึงคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว จะมาคำนวณผลขาดทุนแท้จริงเป็นเท่าไหร่ เพื่อตั้งงบประมาณชำระผลขาดทุนจะใช้ระยะเวลากี่ปี
ขณะที่ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2558 วงเงินทั้งสิ้น 1.4 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินปรับโครงสร้างหนี้ 2 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการโครงสร้างหนี้จำนำข้าวถึง 50% หรือประมาณแสนล้านบาท พร้อมกันคณะรัฐมนตรีได้มีมติขยายระยะเวลากรอบวงเงินรับจำนำข้าวต้องไม่เกิน 5 แสนล้านบาท จาก 31 ธันวาคม 2557 ออกไปเป็น 30 กันยายน 2558 เนื่องจากการตรวจสอบสต๊อกข้าวและระบายข้าวมาชำระหนี้คืน มีความยากลำบาก ขณะที่ในส่วนของงบประมาณ ปี 2558 ได้จัดสรรสำหรับชำระหนี้ ธ.ก.ส. วงเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท ในส่วนของโครงการเก่าที่ดูแลผลผลิตการเกษตรช่วงก่อนปี 2554 และเป็นการชำระหนี้เงินต้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การปิดบัญชีรับจำนำข้าว ในส่วนของผลขาดทุน ในทางบัญชีจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายไว้ก่อน โดยจะต้องทำเป็นบัญชีพัก สงสัยหนี้จะสูญไว้ก่อน จนกว่าจะติดตามหนี้จนถึงที่สุด หมายถึง จะสิ้นสุดกระบวนการฟ้องร้อง 3 ศาล ซึ่งอาจจะตามได้คืนมาบางส่วน และหากไม่สามารถติดตามหนี้ได้ ถึงจะตัดเป็นหนี้สูญ นอกจากนี้อาจจะต้องมีการตั้งสำรองจากงบประมาณ เพื่อทยอยชำระคืนหนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะใช้ระยะเวลานานมากกว่ากระบวนการติดตามหนี้จนถึงที่สุดจะเสร็จสิ้น
ด้านนายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ส่งหนังสือไปยังสาขาต่างๆ เพื่อให้พิจารณาผ่อนปรนการชำระหนี้ให้กับเกษตรกรสวนยางพารา ทั้งการลดเงินการชำระต่องวด และการขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปแต่สูงสุดไม่เกิน 15 ปี เพื่อลดผลกระทบจากราคายางตกต่ำจากระดับ กิโลกรัมละ 100 บาท เหลือ 50 กว่าบาท ซึ่งส่งผลต่อรายได้ และความสามารถในการชำระหนี้อาจจะลดลง
ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มีหนี้เงินกู้อยู่กับ ธ.ก.ส.ประมาณ 3.6 แสนราย คิดเป็นเงิน 4 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม 8 แสนล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.ก็จะบรรเทาความเดือนร้อนจากปัญหาราคายางตกต่ำในระยะสั้น โดยลูกค้าแต่ละรายก็มีเงื่อนไขในการผ่อนปรนที่แตกต่างกัน
สำหรับ การให้สินเชื่อเพื่อพัฒนายางพาราทั้งระบบตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในส่วนของ ธ.ก.ส. มี 2 โครงการคือ โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้รวบรวมยางวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราวงเงิน 5 พันล้านบาท
ล่าสุด ธ.ก.ส.เห็นชอบวงเงินสินเชื่อให้กับสหกรณ์ เพื่อนำไปรวบรวมยางพาราแล้ว 281 แห่ง เป็นวงเงิน 2.88 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 442 แห่ง ธ.ก.ส.จะเร่งดำเนินการปล่อยเงินกู้ในเดือน ก.ย. อีก 4 พันล้านบาท เดือน ต.ค. อีก 2 พันล้านบาท และเดือน พ.ย. อีก 1 พันล้านบาท มีระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตามโครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.57-30 มิ.ย.58 กำหนดคืนเงินกู้ไม่เกิน 12 เดือน โดยสหกรณ์จะรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 1% ต่อปี และรัฐบาลอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ให้ 3% ต่อปี