WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AGRIกฤษฎา บญราชรมว.เกษตรฯเผยอินโดฯสนใจมาตรการหยุดกรีดยาง หลังไทยเสนอ 4 ปท.ผู้ผลิตยางร่วมมือกัน สร้างหวังสร้างเสถียรภาพราคา

    นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ร่วมประชุมหารือความร่วมมือด้านยางพารา เพื่อจะสร้างเสถียรภาพด้านราคา และพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง ตลอดจนอุตสาหกรรมยางให้มีความมั่นคงและยั่งยืน และยังเป็นการส่งเสริมด้านความร่วมมือและความความสัมพันธ์อันดีในฐานะประเทศผู้ผลิตยางด้วย โดยครั้งนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา (AETS) ครั้งที่ 5 ภายใต้ข้อตกลงสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยกำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันของ 3 ประเทศสมาชิก ITRC จำนวน 350,000 ตัน ที่แก้ไขปัญหาราคายางในระยะสั้น ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561

       นับจากนี้ ยังเหลือเวลาในการดำเนินมาตรการนี้อีกประมาณ 1 เดือน ในการควบคุมปริมาณยางในตลาดให้ลดลง ทั้งสามประเทศยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความต้องการใช้ยางในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของแต่ละประเทศซึ่งจะมีรายได้ที่สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการมาตรการนี้ ประเทศเวียดนาม ในฐานะประเทศผู้ผลิตยาง ยังช่วยสนับสนุนมาตรการครั้งนี้สัมฤทธิ์ผลควบคู่ด้วยดังกล่าวร่วมด้วย ซึ่งเวียดนามมีท่าทีอย่างไม่เป็นทางการในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปลายปีนี้

      สำหรับ ประเทศสำคัญที่ไทยนำเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ คือมาตรการที่ไทยดำเนินการและระหว่างพิจารณารวม 5 มาตรการ คือ มาตรการและแนวทางอื่นในการสร้างเสถียรภาพราคายาง 1. มาตรการบริหารจัดการการผลิต โดยบริหารผลผลิตและความต้องการใช้ยางของแต่ละประเทศได้อย่างสมดุล โดยไทยมีนโยบายในการลดพื้นที่ปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมด้วยการโค่นยางเพื่อไปปลูกพืชอื่น ซึ่งจะจำกัดปริมาณผลผลิตให้มีความสมดุลกับความต้องการใช้ ปีละ 200,000 ไร่ ปัจจุบัน ปี 2560 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยาง 23.113 ล้านไร่ และคาดว่าในปี 2561 จากมาตรการนโยบายของรัฐบาล จะช่วยให้พื้นที่ปลูกยางในประเทศหายไปประมาณ 200,000 ไร่ จะเหลือเป็นพื้นที่ปลูกยางในประเทศไทย ประมาณ 22.913 ล้านไร่

     2. มาตรการการปลูกยางพาราร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่น 3. เพิ่มการใช้ยางในประเทศ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยปัจจุบันมีการรณรงค์ให้หน่วยงานภาครัฐ เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ และประโยชน์ต่อประชาชน อาทิ สระน้ำ ยางปูพื้น ถนนยางพารา เป็นต้น

     4. มาตรการหยุดกรีด ที่ไทยมีนโยบายให้พื้นที่ปลูกยางในหน่วยงานภาครัฐ ยกเว้นพื้นที่สวนยางที่ใช้ในการวิจัย หยุดกรีดยางเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในระหว่าง ม.ค.-มี.ค. 2561 คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ เพื่อลดปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาด นอกจากนี้ ไทยยังมีแนวคิดในการลดพื้นที่กรีดยาง 2 แนวทาง เพื่อลดปริมาณยางในตลาด ได้แก่ 1. หยุดกรีดยาง 3 ล้านไร่ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ค.61 คาดว่าจะลดปริมาณยางได้ประมาณ 200,000 ตัน 2. หยุดกรีดยางทุกไร่ แต่กรีดแบบวันเว้นวันหรือกรีดยาง 15 วัน หยุดกรีดยาง 15 วัน

     และ 5. มาตรการการควบคุมการผลิต-ราคายางพาราที่ปัจจุบัน ยางพาราของประเทศไทย เป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ปี 2542 โดยจะมีกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูกลไกราคายางพารา ดังนั้น มีนโยบายในการจัดตั้งคณะกรรมการยางพาราควบคุมการผลิต-ราคายางพารา ซึ่งคณะกรรมการฯ จะประกอบด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาคราชการ เอกชน และชาวสวนยางพารา มีอำนาจหน้าที่ในการไปดูต้นทุนยางพารา ดูการผลิตยางว่าราคาใดเหมาะสมกับการรับซื้อ หรือราคาใดเหมาะสมกับการส่งออก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร

    อย่างไรก็ตาม สองมาตรการหลังนั้นไทยได้ขอให้ประเทศสมาชิกรับไปพิจารณา คือ มาตรการหยุดกรีดยาง และคณะกรรมการราคายางระหว่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือนั้นอินโดนีเซียสนใจมากที่สุดกับมาตรการขอความร่วมมือลดกรีดยางนี้ แต่ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกจะรับข้อเสนอของไทยไปพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป

รมว.เกษตรฯ จัดประชุม 4 ปท.ผู้ผลิตยางรายใหญ่ครั้งแรกหาแนวทางแก้ปัญหาราคาผันผวน

     นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดประชุมหารือความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา (Agreed Export Tonnage Scheme : AETS) ครั้งที่ 5 ภายใต้ข้อตกลงสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (International Tripartite Rubber Council : ITRC) ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่กำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันของ 3 ประเทศสมาชิก ITRC จำนวน 350,000 ตัน ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561

     อย่างไรก็ตาม ยังเหลือเวลาในการดำเนินมาตรการนี้อีกประมาณ 1 เดือน ในการควบคุมปริมาณยางในตลาดให้ลดลง ทั้ง 3 ประเทศยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความต้องการใช้ยางในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการดำเนินการมาตรการนี้ ประเทศเวียดนามในฐานะประเทศผู้ผลิตยาง ยังช่วยสนับสนุนมาตรการครั้งนี้สัมฤทธิ์ผลควบคู่ด้วย

      "การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ในวงการยางพารา ที่ทั้ง 4 ประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ได้ร่วมประชุมหารือและกำหนดแนวทาง เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ราคายางผันผวน โดยมุ่งให้เกิดการยกระดับราคายางในตลาด เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย ซึ่งจะมีรายได้ที่สูงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือร่วมกันระหว่างสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ รวมถึงประเทศเวียดนาม ให้มีความเข้มแข็งและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่มีมากยิ่งขึ้น จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคอุตสาหกรรม การตลาด และเกษตรกรได้ เพิ่มอำนาจการต่อรองกับตลาดต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้นต่อไป"นายกฤษฏา กล่าว

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!