ปีงูเล็ก...ปีทองก่อสร้างไทย แต่ยังต้องเผชิญกับวิกฤติแรงงาน
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Tuesday, 19 April 2016 09:22
- Hits: 1936
ปีงูเล็ก...ปีทองก่อสร้างไทย แต่ยังต้องเผชิญกับวิกฤติแรงงาน
ด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ บวกกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศยังไม่สามารถรองรับความต้องการได้ทั่วถึง ปีนี้ภาครัฐจึงจะเน้นลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ภายใต้กฎหมายพิเศษ 2 กลุ่ม คือ (1) แผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามพรก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 ด้วยกรอบวงเงิน 350,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนที่กลุ่มบริษัทที่ได้รับคัดเลือกเตรียมเสนอร่างขอบเขตของงาน (Term of Reference: TOR) โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความก้าวหน้าโครงการก่อสร้าง ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และ (2) แผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว 7 ปี (ช่วง 2556-2563) ด้วยกรอบวงเงินลงทุน 2,2700,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนที่ภาครัฐกำลังจะออก พรบ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ..... ฉะนั้น การลงทุนที่จะเริ่มก่อสร้างจริงภายในปีนี้จากแผนการลงทุนในส่วนนี้อาจยังมีน้อย ทั้งนี้ แผนการลงทุนดังกล่าวเน้นการพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ในการพัฒนา คือ 1) การเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งกับภูมิภาค โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของประตูการขนส่งที่มีศักยภาพ และการปรับปรุงโครงข่ายเชื่อมโยงรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Connectivity) 2) การมุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืน (Sustainability) และ 3) การยกระดับความคล่องตัว (Mobility) ในการเดินทางและการขนส่งไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาค (Hub) ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ในจำนวนนั้น ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ที่มีกรอบวงเงินสูงถึง 2,000,000 ล้านบาท โดยจากข้อมูลของกระทรวงคมนาคม ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ประกอบด้วยการพัฒนาระบบราง คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง ร้อยละ 80 หรือวงเงิน 1,600,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนา บนเป้าหมายเพื่อช่วยลดต้นทุนการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าภายในประเทศ และเพื่อรองรับอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้น ภายหลังเปิดเสรีการค้าและลงทุนอาเซียนในปี 2558 สำหรับโครงการส่วนที่เหลือเป็นการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางถนนและน้ำ คิดเป็นประมาณร้อยละ 12 (200,000 ล้านบาท) และร้อยละ 2 (30,000 ล้านบาท) ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นค่าลงทุนในส่วนของด่านศุลกากรและเงินสำรองจ่าย ซึ่งภายใต้แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมนี้ คาดว่าจะมีบางโครงการเริ่มเปิดประมูล ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ยกตัวอย่างเช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (วงเงิน 80,000 ล้านบาท) รถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ (วงเงิน 380,000 ล้านบาท) โดยระยะแรกคาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ช่วงกรุงเทพมหานคร- อ.ภาชี จ.อยุธยา ก่อน เพื่อทดสอบระบบราง
