ประกันวินาศภัยปี 2555 หลังเหตุน้ำท่วมใหญ่ : ธุรกิจเติบโตบนระดับความเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้น
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Tuesday, 09 February 2016 13:01
- Hits: 947
ประกันวินาศภัยปี 2555 หลังเหตุน้ำท่วมใหญ่ : ธุรกิจเติบโตบนระดับความเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้น
หลังอุทกภัยครั้งร้ายแรงในปลายปี 2554 ได้ส่งผลกระทบโดยตรงอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยหลายภาคส่วน รวมถึงธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ในฐานะที่ดำเนินกิจการรับประกันความเสี่ยงภัย และมีหน้าที่ต้องจ่ายชดเชยความเสียหายให้กับผู้เอาประกัน อย่างไรก็ตาม วิกฤติที่เกิดขึ้นในปี 2554 อาจมองได้ว่าเป็นโอกาสในการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยในระยะต่อไป เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจและตื่นตัวในการทำประกันภัยเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทประกันก็สามารถนำบทเรียนจากความเสียหายในปีที่ผ่านมา มาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กำลังซื้อและความต้องการความคุ้มครองภัยของลูกค้า ควบคู่ไปกับการควบคุมความเสี่ยงผ่านผลิตภัณฑ์แบบจำกัดความคุ้มครอง (Sub Limit)
ปัจจัยหนุนทั้งด้านดีมานด์และซัพพลายดังกล่าว เมื่อรวมกับอัตราค่าเบี้ยประกันที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นตามระดับความเสี่ยง คาดว่าจะส่งผลให้ แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2555 เมื่อวัดจากเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม เพิ่มสูงขึ้นในอัตราเร่งกว่าปกติ และมีส่วนทำให้ภาพรวมการเข้าถึงการประกันภัยของประชากรไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมอาจเข้าเป้า 6% ของจีดีพีได้เร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2557
แม้ว่าผลการรับประกันภัยในเดือนแรกของปี 2555 จะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้ว โดยเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวนกรมธรรม์ และจำนวนเงินเอาประกัน มีอัตราเพิ่ม 5.1% 6.4% และ -10.4% ตามลำดับ (ตามการหดตัวอย่างแรงของการรับประกันภัย IAR และอัคคีภัย) แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงผลช่วงสั้น และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2555 เป็นต้นไป เนื่องจากมีความชัดเจนเรื่องการรับประกันภัยต่อหลังจากที่เริ่มมีการขายกรมธรรม์ภัยพิบัติ และตลาดรับประกันภัยรถใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้งตามการส่งมอบรถใหม่ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้