ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่หลังสึนามิ ... ผลต่อการลงทุนในไทย
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Monday, 08 February 2016 14:21
- Hits: 1248
ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่หลังสึนามิ ... ผลต่อการลงทุนในไทย
เมื่อเวลา 14.46 น. ของวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมของปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิซึ่งถูกจัดอันดับเป็นภัยร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อประเทศญี่ปุ่นในด้านวิกฤตินิวเคลียร์ รวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ซึ่งเมื่อผนวกกับภาวะซบเซาในตลาดญี่ปุ่นเอง รวมไปถึงความเสี่ยงของการเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นอีก ก็ได้นำไปสู่คลื่นกระแสการโยกย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศของบริษัทญี่ปุ่น โดยภูมิภาคอาเซียนเป็นเป้าหมายที่สำคัญของการลงทุนของญี่ปุ่นภายหลังภัยพิบัติดังกล่าว หลังจากนั้น ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็เป็นอีกเหตุการณ์ซึ่งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น และตอกย้ำให้บริษัทญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการบริหารความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังเช่นภัยพิบัติในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การปรับกลยุทธทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นดังกล่าวอาจมีผลเชื่อมโยงต่อไทย ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนอันดับ 1 ของญี่ปุ่นในอาเซียนได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงได้ศึกษาถึงแนวทางการปรับตัวของธุรกิจญี่ปุ่นและผลที่มีต่อการลงทุนในไทย พบว่ามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
หลายปัจจัยเสี่ยงกำลังท้าทายภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ปี 2554 อาจนับได้ว่าเป็นปีที่ภาคธุรกิจญี่ปุ่นต้องเผชิญอุปสรรคหลายประการ ทั้งจาก 1) เหตุการณ์สึนามิในเดือนมีนาคม และอุทกภัยในไทยในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2) ปัญหาหนี้ในยุโรปที่รุนแรงขึ้นในครึ่งปีหลัง 3) ค่าเงินเยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกระทบการส่งออกจนญี่ปุ่นขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 31 ปี และนำไปสู่การหดตัวของเศรษฐกิจปี 2554 ที่ร้อยละ 0.7 (YoY)