ศึกเลือกตั้งปี 54 : เงินสะพัด 3.9 หมื่นล้านบาท

Details: Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย; Published: Thursday, 14 January 2016 10:52; Hits: 3583

ศึกเลือกตั้งปี 54 : เงินสะพัด 3.9 หมื่นล้านบาท
     หลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 แล้ว จะเห็นได้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ ก็ลงมือรณรงค์หาเสียง
กันอย่างเข้มข้นทันที เป็นที่น่าสังเกตว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองต่างมีความพร้อมในการลงสนามแข่งขันเลือกตั้งมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศ
ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2554 ว่าจะมีการยุบสภาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2554 ทำให้หลายพรรคการเมืองเริ่มวางแผนในการรณรงค์หาเสียงหลายรูปแบบมาเป็นเวลานานพอสมควร
     รูปแบบการหาเสียงแบบเก่าที่ใช้กันมากก็คือ การระดมติดแผ่นป้ายโฆษณากลางแจ้ง เพื่อช่วงชิงพื้นที่ตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ บริเวณสี่แยก บนถนนสายหลัก สายรอง ตามตรอก ซอกซอยต่างๆ ส่วนรูปแบบการหาเสียง
แบบใหม่ๆ จะพบได้ว่าหลายพรรคการเมืองมีการใช้อินเตอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์(Social Media) มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีการแย่งชิงพื้นที่ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นด้วย ศึกเลือกตั้งครั้ง
นี้ยังมีรูปแบบการรณรงค์ที่แตกต่างไปจากในอดีตที่ผ่านมา นั่นคือ มีการรณรงค์ของกลุ่มการเมืองเพื่อการสร้างกระแสปลุกเร้ากลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคการเมืองคู่ขนานไปกับการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมือง
ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต
     สำหรับในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 39,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2550 ที่มีเม็ดเงินประมาณ 21,000 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการหาเสียงที่
เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับหลายพรรคการเมืองได้เตรียมตัวหาเสียงล่วงหน้าไว้ก่อนการประกาศยุบสภา รวมไปถึงการเน้นการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองที่มุ่งชิงตำแหน่ง 'ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ'
ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้เม็ดเงินในศึกเลือกตั้งครั้งนี้เพิ่มสูงตามไปด้วย โดยเม็ดเงินเลือกส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานที่มีตำแหน่ง ส.ส. มากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาได้แก่
พื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีการแข่งขันกันสูงในแต่ละภาค การกระจายของเม็ดเงินเลือกครั้งนี้จะส่งผลไปถึง ธุรกิจสิ่งพิมพ์ รถยนต์รับจ้าง ธุรกิจให้เช่าเครื่องขยายเสียง ธุรกิจให้เช่าเต็นท์และเวที ร้านขายดอกไม้
ธุรกิจผ้าใบ ไวนิล และอิงค์เจ็ท เป็นต้น นอกจากนั้นเม็ดเงินเลือกตั้งยังกระจายไปยัง ระบบหัวคะแนนของพรรคการเมืองต่างๆ ผ่านไปยังเครือข่ายจัดตั้ง เช่น เจ้ามือหวย โต๊ะพนันบอล และระบบขายตรง (Direct Sale)
ซึ่งจะได้รับเม็ดเงินจากการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย