คาดเฟดอาจส่งสัญญาณปรับทิศทางนโยบายการเงินแบบตึงตัวเร็วขึ้น ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Tuesday, 21 December 2021 17:41
- Hits: 1462
คาดเฟดอาจส่งสัญญาณปรับทิศทางนโยบายการเงินแบบตึงตัวเร็วขึ้น ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเฟดอาจพิจารณาปรับแผนลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร่งขึ้นกว่าเดิม และมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปีที่ 6.8% YoY ซึ่งท่ามกลางปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและปัญหาขาดแคลนแรงงานในสหรัฐฯ ที่ไม่น่าจะคลี่คลายลงในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้มองว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะข้างหน้า ในขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ คาดว่าเฟดคงเผชิญแรงกดดันให้ถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินเป็นแบบตึงตัวเร็วกว่าขึ้นกว่าเดิม โดยเฟดอาจพิจารณาปรับแผนลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร่งขึ้นเพื่อให้วงเงิน QE ทั้งหมดสิ้นสุดลงเร็วกว่าเดือนมิ.ย. 2566 ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า อีกทั้งเฟดอาจเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้าเฟดคงจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจมีเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มที่จะชะลอลง ประกอบกับความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐที่กลับมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกครั้งจากประเด็นไต้หวัน ดังนั้น เฟดคงต้องประเมินความเสี่ยงด้านต่างๆ ในการพิจารณาจังหวะที่เหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า โดยหากเฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ควรนอกจากจะสร้างความผันผวนมากขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนแล้ว ยังอาจยิ่งบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาวะที่ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่ได้หมดไป อีกทั้งยังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาขีดจำกัดในฝั่งอุปทาน อาทิ การขาดแคลนแรงงานและความแออัดในท่าเรือของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น
ทั้งนี้ ต้องติดตามประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ย นโยบาย (Fed Dot Plot) ที่เฟดจะเผยแพร่ในการประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับประมาณการเงินเฟ้อสูงขึ้นให้สอดคล้องกับภาวะที่เกิดขึ้น ประกอบกับมีความเป็นไปได้ที่ Fed Dot Plot จะบ่งชี้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าการแถลงประมาณการครั้งก่อนในเดือนก.ย. 2564 โดยอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 2 ครั้งในปีหน้า อย่างไรก็ดี เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังและคงไม่ปรับประมาณการเงินเฟ้อสูงกว่าที่ควร เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะส่งสัญญาณการปรับทิศทางนโยบายการเงินเป็นแบบตึงตัวเร็วกว่าที่ตลาดคาดอันจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินได้
A12650