- Details
- Category: งานวิจัยเศรษฐกิจ
- Published: Sunday, 25 December 2016 20:19
- Hits: 4326
ผลวิจัยล่าสุดย้ำให้เห็นถึงโอกาสทำธุรกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่มีมูลค่าถึง $37 พันล้านเหรียญ
Google และ Temasek เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดที่แสดงให้เห็น ศักยภาพและโอกาสต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 6 ประเทศ จัดทำขึ้นโดย Google และ Temasek ในชื่อว่า 'e-conomy SEA: Unlocking the $200 billion opportunity in Southeast Asia'
ผลวิจัยเน้นย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว โดยเติบโตอยู่ที่ 9% ต่อปี และจะมีมูลค่าแตะ59 ล้านเหรียญ (หรือราว 2 พันล้านบาท) ในปี 2020 เพิ่มจาก 29 ล้านเหรียญ (หรือราว 1 พันล้านบาท) ในปี 2015 ซึ่งแนวโน้มนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจในประเทศ โดยคาดว่าในสิบปีข้างหน้าตลาดออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตไปถึง 37,000ล้านเหรียญ (หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซและท่องเที่ยวจะมีมูลค่ารวมกันแล้วคิดเป็น 88%ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด
มีหลายปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต ได้แก่ ประเทศไทยคือตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตด้านรายได้สูง โดย 58%ของประชากรมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และในปี 2011 ธนาคารโลกได้ปรับฐานะให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง และยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงด้วยเช่นกัน 57% ของประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 85 ล้านเลขหมาย (หรือคิดเป็น 125% ของจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรรวม) ทั้งบนเครือข่าย 3G และ LTE การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหล่านี้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความเร็วการดาวน์โหลดอยู่ที่ 19.82 Mbps
ข้อมูลสำคัญอื่นๆ จากผลวิจัย:
1. โอกาสของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: ตลาดอีคอมเมิร์ซจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 29% จากมูลค่าราว 900ล้านเหรียญ เมื่อปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 ล้านเหรียญในปี 2025
2. โอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออนไลน์: คาดการณ์ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ของไทยจะเติบโตราว5.2 เท่า ภายในปี 2025 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 21,700 ล้านเหรียญ เติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 18%)
a. โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์อย่างโรงเเรมและการบินต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตจะเติบโตถึง 5 เท่าภายในปี 2025 จะมีมูลค่าแตะ 76,000 ล้านเหรียญ (อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15%) ซึ่งคิดเป็น 85% ของมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวโดยรวม
3. โอกาสของแอปร่วมเดินทาง: มีการคาดการณ์ธุรกิจการเดินทางออนไลน์จะเติบโตมีมูลค่าราว 1,900 ล้านเหรียญในปี 2025
จากข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าการใช้จ่ายของโฆษณาดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตถึง 6.2 เท่า มีมูลค่าราว 4.35พันล้านเหรียญ ในปี 2025 (อัตราเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี) โดยข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งรวมธุรกิจสตาร์ทอัพสำคัญ โดยมีจำนวนธุรกิจสตาร์ทอัพอยู่ราว 358 ราย
ประเทศไทยต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อคว้าโอกาสนี้
รายงานนี้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยมากมายในขณะนี้ ด้วยการเอาชนะความท้าทายต่างๆ ทั้งด้านการขนส่งและการติดต่อระหว่างประเทศ การพัฒนาระบบการชำระเงิน การพัฒนาศักยภาพของตลาด การป้องกันภัยคุกคามและความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการลงทุนอย่างเร่งด่วน
มร. เบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจเท่าช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ด้วยประโยชน์ทั้งหมดทั้งมวลที่อินเทอร์เน็ตมอบให้พวกเรา มันเต็มไปด้วยโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับอย่างมหาศาลจากดิจิทัล ด้วยมูลค่าถึง $37 พันล้านเหรียญ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) ผมมั่นใจว่าเราสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ และตอนนี้ก็มีธุรกิจไทยที่เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพที่กลายเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ อยู่จำนวนมาก Google มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือธุรกิจทุกระดับไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเป็นธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็ก ให้สามารถเชื่อมต่อลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศทั่วโลกเพื่อเข้าถึงธุรกิจเหล่านี้ได้”
ผลวิจัยล่าสุดย้ำให้เห็นถึงโอกาสทำธุรกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่มีมูลค่าถึง $37 พันล้านเหรียญ
Google และ Temasek เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดที่แสดงให้เห็น ศักยภาพและโอกาสต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 6 ประเทศ จัดทำขึ้นโดย Google และ Temasek ในชื่อว่า “e-conomy SEA: Unlocking the $200 billion opportunity in Southeast Asia.”
ผลวิจัยเน้นย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว โดยเติบโตอยู่ที่ 9% ต่อปี และจะมีมูลค่าแตะ 59 ล้านเหรียญ (หรือราว 2 พันล้านบาท) ในปี 2020 เพิ่มจาก 29 ล้านเหรียญ (หรือราว 1 พันล้านบาท) ในปี 2015 ซึ่งแนวโน้มนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจในประเทศ โดยคาดว่าในสิบปีข้างหน้าตลาดออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตไปถึง 37,000 ล้านเหรียญ (หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซและท่องเที่ยวจะมีมูลค่ารวมกันแล้วคิดเป็น 88% ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด
มีหลายปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต ได้แก่ ประเทศไทยคือตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตด้านรายได้สูง โดย 58% ของประชากรมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และในปี 2011 ธนาคารโลกได้ปรับฐานะให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง และยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงด้วยเช่นกัน 57% ของประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 85 ล้านเลขหมาย (หรือคิดเป็น 125% ของจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรรวม) ทั้งบนเครือข่าย 3G และ LTE การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหล่านี้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความเร็วการดาวน์โหลดอยู่ที่ 19.82 Mbps
ข้อมูลสำคัญอื่นๆ จากผลวิจัย:
1. โอกาสของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: ตลาดอีคอมเมิร์ซจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 29% จากมูลค่าราว 900 ล้านเหรียญ เมื่อปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 ล้านเหรียญในปี 2025
2. โอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออนไลน์: คาดการณ์ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ของไทยจะเติบโตราว 5.2 เท่า ภายในปี 2025 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 21,700 ล้านเหรียญ เติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 18%)
a. โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์อย่างโรงเเรมและการบินต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตจะเติบโตถึง 5 เท่าภายในปี 2025 จะมีมูลค่าแตะ 76,000 ล้านเหรียญ (อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15%) ซึ่งคิดเป็น 85% ของมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวโดยรวม
3. โอกาสของแอปร่วมเดินทาง: มีการคาดการณ์ธุรกิจการเดินทางออนไลน์จะเติบโตมีมูลค่าราว 1,900 ล้านเหรียญในปี 2025
จากข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าการใช้จ่ายของโฆษณาดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตถึง 6.2 เท่า มีมูลค่าราว 4.35 พันล้านเหรียญ ในปี 2025 (อัตราเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี) โดยข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งรวมธุรกิจสตาร์ทอัพสำคัญ โดยมีจำนวนธุรกิจสตาร์ทอัพอยู่ราว 358 ราย
ประเทศไทยต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อคว้าโอกาสนี้
รายงานนี้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยมากมายในขณะนี้ ด้วยการเอาชนะความท้าทายต่างๆ ทั้งด้านการขนส่งและการติดต่อระหว่างประเทศ การพัฒนาระบบการชำระเงิน การพัฒนาศักยภาพของตลาด การป้องกันภัยคุกคามและความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการลงทุนอย่างเร่งด่วน
มร. เบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจเท่าช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ด้วยประโยชน์ทั้งหมดทั้งมวลที่อินเทอร์เน็ตมอบให้พวกเรา มันเต็มไปด้วยโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับอย่างมหาศาลจากดิจิทัล ด้วยมูลค่าถึง $37 พันล้านเหรียญ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) ผมมั่นใจว่าเราสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ และตอนนี้ก็มีธุรกิจไทยที่เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพที่กลายเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ อยู่จำนวนมาก Google มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือธุรกิจทุกระดับไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเป็นธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็ก ให้สามารถเชื่อมต่อลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศทั่วโลกเพื่อเข้าถึงธุรกิจเหล่านี้ได้”