WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Krungsri Commentary

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 35.80-36.55 ติดตามประชุมบีโอเจและเฟด

          กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80-36.55 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.20 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.06-36.55 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐฯยังคงบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 10 ครั้งติดต่อกัน โดยประธานอีซีบีส่งสัญญาณว่าจะคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซน แต่หากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ นอกจากนี้ อีซีบีไม่ได้หารือกันเกี่ยวกับการเลื่อนเวลายุติ Reinvestments ในโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาด (PEPP) ให้เร็วขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ สหรัฐฯรายงานจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัว 4.9% ซึ่งสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 2,598 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตร 9,695 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 2,598 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตร 9,695 ล้านบาท

          สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งอาจมีการปรับนโยบาย Yield Curve Control (YCC) เพิ่มเติมในวันที่ 31 ต.ค. ส่วนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในวันที่ 1 พ.ย. ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การประชุมเฟดเมื่อเดือนก.ย.และนักลงทุนไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่สูงมากไว้ได้ในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะคงดอกเบี้ยที่ 5.25% โดยท่าทีการสื่อสารของธนาคารกลางหลักหลายแห่งดังกล่าวและข้อมูลการจ้างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐฯมีแนวโน้มสร้างความผันผวนให้กับอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจกระตุ้นให้ทางการญี่ปุ่นตัดสินใจเข้าพยุงค่าเงินเยนโดยเฉพาะในกรณีที่บีโอเจคงนโยบาย YCC ไว้ตามเดิม

          สำหรับประเด็นในประเทศ นักลงทุนจะติดตามตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ย. ทางด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 66 เป็นเติบโต 2.7% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.5% โดยอ้างถึงการหดตัวของส่งออกและการบริโภคภาครัฐ ส่วนในปี 67 คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 3.2% ซึ่งยังไม่รวมผลของโครงการ Digital Wallet

 

 

10972

Click Donate Support Web 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

iconmotor

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!