- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Monday, 21 July 2014 18:06
- Hits: 7198
อาทิตย์เอกเขนก : ชวินธร คุณากรปรมัตถ์ ลูกไม้หล่นใกล้ต้น กรุงเทพบ้านและที่ดิน
ไทยโพสต์ : หนุ่มไฟแรง เสียงดัง อารมณ์ดี'ชวินธร คุณากรปรมัตถ์'หรือ'คุณท็อด' ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ เคแลนด์ เข้ามาเริ่มรับไม้ต่อบริหารธุรกิจจากคุณพ่อธงชัย คุณากรปรมัตถ์ ได้เกือบ 3 ปีแล้ว
โดยได้ต่อยอดแนวคิดในการพัฒนาโครงการ 'เดอะ พาโน' คอนโดมิเนียมไฮเอนด์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการบ้านหรูภายใต้ชื่อ 'เดอะ แกรนด์'ที่มีอยู่เดิม 2 ทำเล ที่พระรามที่ 2 และประชาอุทิศ พร้อมพัฒนาเปิดใหม่อีก 2 ทำเล คือ ที่อุดมสุข และปิ่นเกล้า
ผลงานอันเป็นบทพิสูจน์จากรายได้รวม 3,200 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2555 ทำให้หนุ่มคนนี้เป็นที่น่าจับตายิ่งขึ้น
ในช่วงวัยเรียน'คุณท็อด' ได้เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา และคว้าปริญญามาได้ถึง 2 ใบ คือ ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโทบัญชี จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน แอนน์ อาร์เบอร์
เหตุผลที่เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะเกิดความสนใจเรื่องเศรษฐกิจ สนใจเรื่องหุ้นมาตั้งแต่เด็ก บวกกับที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจมหภาคค่อนข้างมาก ทำให้คุณท็อดมีความชำนาญในด้านการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดเงิน ตลาดทุน และอสังหาริมทรัพย์
หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์ด้านการเงินจากบริษัทภายนอกมา 4-5 ปี ก็ได้เวลากลับมาทำงานที่เคแลนด์ โดยเข้ามาดูแลในส่วนของสายงานพัฒนาธุรกิจ
'คุณท็อด'เล่าว่า คุณพ่อไม่ได้บังคับให้มาทำเพียงแต่ชวนๆ มา บอกว่าอยากให้มีฝ่ายวางแผนพัฒนาธุรกิจ ซึ่งจะเป็นหัวใจของการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัท ท้ายสุดก็เลยมา
"สมัยก่อนคุณพ่อก็เรียนจบจากที่อเมริกา กลับมาก็มองว่าบ้านจัดสรรสร้างไม่ค่อยได้มาตรฐาน อยากทำบ้านที่ได้มาตรฐาน ทำสินค้าที่ดีมีคุณภาพ สร้างบ้านให้เหมือนกับบ้านที่เราอยู่เอง"
แนวคิดนี้ จึงถูกนำมาใช้เป็นนโยบายของบริษัทมาตลอดกว่า 30 ปีของเคแลนด์ แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์จะนับเป็นปัจจัย 1 ใน 4 ตราบใดที่ประชากรเพิ่มขึ้นก็จะเติบโต เราเพียงต้องหา Real Demand หรือความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อให้เจอ
ปัจจุบันลูกค้าของเคแลนด์ มาจากการบอกต่อถึง 30% ซึ่งมาจากความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัยทั้งสภาพแวดล้อม คุณภาพ รูปแบบ และการบริการ ทำให้เกิดการแนะนำบอกต่อ คนซื้อบ้านก็มักจะมองเรื่องความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ การที่เพื่อนหรือญาติแนะนำบอกต่อ ย่อมหมายถึงเขามอบความมั่นใจและไว้วางใจ จึงสามารถชวนเพื่อนมาซื้อมาอยู่ด้วยกันได้อย่างภาคภูมิใจ
"ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเกิดขึ้นได้ย่อมไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน แต่เป็นเรื่องของทีมงานอีกหลายร้อยคน ที่ช่วยผลักดันให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จนี้ได้"
อย่างไรก็ตาม การผันตัวเองจากด้านวาณิชธนกิจธุรกิจด้านการเงิน มาเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านคุณภาพดีให้เป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ในธุรกิจยุคนี้ที่มีการแข็งขันสูง 'คุณท็อด'มองว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย ที่ทำให้ได้คิดและพัฒนาให้ทันกับตลาดอยู่เสมอ ต้องรู้ให้ลึกว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร เข้าถึงความต้องการของเขา ประกอบกับต้องวิจัยพัฒนาทั้งสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการและทันยุคสมัย เมื่อผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์แล้วก็ทำให้ค่าใช้จ่ายการตลาดน้อยลงอีกด้วย'คุณท็อด'เล่าต่อว่า หลักการดำเนินธุรกิจของตน ดูง่ายๆ แต่ทำได้ยาก คือ Think Positive หรือมองโลกในแง่บวก เป็นแนวคิดที่ยึดถือเป็นหลัก โดยมีแบบอย่างจากคุณพ่อ ที่มักจะสอนและแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างของความสุขจากการมองโลกในแง่บวก
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซาก็จะมองว่า เวลาที่ฟ้ามืดแปลว่าใกล้จะสว่าง ถ้ามองมหภาคก็คือ ลดความร้อนแรงลง เพื่อเปิดให้เกิดความต้องการที่แท้จริงในเวลาต่อมา อุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดาที่มาพร้อมกับงาน ขอเพียงให้ร่างกายสุขภาพแข็งแรง จิตใจแข็งแรง ต้องให้กำลังใจตัวเองในการทำธุรกิจ และสนุกกับงานที่ทำ อะไรที่แก้ไม่ได้ก็ต้องทำความเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหานั้น
"คนเราต้องมีสติ และต้องมีสติทุกลมหายใจเข้าออก จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข จริงๆ แล้วที่เราทุกข์เพราะเราคิดไปเอง นึกถึงไปเองกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้าจะคิดถึงก็ให้คิดแต่เรื่องดีๆ เ รื่องที่มาสอนใจเรา นี่คือครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องงานที่ได้มาจากคุณพ่อ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องหลักการใช้ชีวิตที่มาจากคุณแม่ ซึ่งจะสอนเรื่องการใช้ชีวิต ระเบียบวินัย แล้วก็สอนเรื่องพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องความพอเพียง ที่บอกว่าความสุขในชีวิตไม่ใช่อยู่ที่เรื่องเงิน แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรามากกว่า"
ซึ่งทำให้ในแต่ละวัน'คุณท็อด' จึงใช้ชีวิตแบบมีระบบระเบียบ ตื่น 6 โมงเช้าทุกวัน แม้วันหยุดก็ไม่เคยตื่นสาย หรือจะกลับดึกแค่ไหนก็ตื่น 6 โมง เป็นแฟมิลีแมนก็ว่าได้ ชอบคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ดูทีวีด้วยกัน พากันไปหาอาหารอร่อยๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้างเป็นครั้งคราว เล่นกีฬาบ้างหลังเลิกงานโดยเฉพาะช่วงนี้ติดเทนนิสเป็นพิเศษ
และอีกสิ่งที่ทำให้ 'คุณท็อด' เป็นคนรอบรู้ก็คือ การอ่านหนังสือ ด้วยนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ทำให้อ่านหนังสือแทบจะทุกประเภท ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เรื่องสั้น เรื่องแปล แม้กระทั่งการ์ตูน ที่ชอบมากๆ จะมีอยู่ 3 ประเภท คือ อัตชีวประวัติของบุคคลต่างๆ ชอบที่จะดูว่าคนสำคัญแต่ละท่านเขามีแนวคิด มีรูปแบบชีวิตและความสำเร็จที่ได้เป็นมาอย่างไร อีกแนวจะเป็นพวกประวัติศาสตร์ ได้รู้ที่มาที่ไปของยุคก่อนๆ เข้าใจอารยธรรม แนวคิดต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตามน่าค้นหา
และสุดท้ายเป็นพวกแนวพัฒนาตนเอง Self-improvement หรือพวก How to ต่างๆ ทำให้รู้ว่าชีวิตคือการเรียนรู้ โลกมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาทุกวัน ต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยมีเป้าหมายว่า จะต้องทำทุกวันและทุกนาทีให้เต็มที่ เมื่อหมดวันเราจะได้ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะได้ใช้ทุกนาทีอย่างคุ้มค่าแล้ว เป้าหมายคงไม่ใช่แค่เส้นชัย แต่เป็นความสม่ำเสมอของทุกก้าว และก้าวที่ทำอย่างเต็มที่เพื่อที่จะถึงเส้นชัยนั้นมากกว่า
นับเป็นข้อคิดที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าวัยของหนุ่มวัย 32 ปีคนนี้.