- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Saturday, 28 June 2014 21:06
- Hits: 5726
คุยนอกรอบ: JSL จิติณัฐ อัษฎามงคล ศิลปะการต่อสู้ไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ไทยโพสต์ : 'ปลาย-จิติณัฐ อัษฎามงคล' ถือเป็นรุ่นที่ 2 ของบริษัท เจเอสแอล บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ที่อยู่ในยุทธจักรนี้มาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี ตอนนี้นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายดิจิตอล บริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด รายการล่าสุดที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่คิดรูปแบบรายการ เป็นครีเอทีฟ โปรดิวเซอร์ จนออกมาเป็นรายการที่แสนจะภาคภูมิใจคือ รายการมาร์เชียล วอริเออร์ รายการสู่เส้นทางแอคชั่นสตาร์ระดับโลก ทางช่อง 7 และทรูวิชั่น ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของรายการเรียลลิตี้แอคชั่นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อสานฝันให้เหล่าผู้ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ได้มีเวทีแจ้งเกิดและกล้าที่จะออกจากเงาเพื่อค้นหาตัวเอง
"คนไทยเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้ เบื้องหลังสตันท์แมนเก่งๆ ในต่างประเทศหลายคนเป็นคนไทย แต่คนไทยเรามีฝีมือยังไงก็ยังอยู่ได้แค่เบื้องหลัง จะมีกี่คนที่เป็นได้อย่างจา พนม เราอยากสร้างคนของเราให้เป็นได้อย่างเฉินหลง อย่างบรู๊ซ ลี นั่นเป็นความฝันของผมเลยที่อยากสร้างคนแบบนี้ขึ้นมาในวงการระดับประเทศไปสู่ระดับโลก ซึ่งมั่นใจว่าศักยภาพของคนไทยเราทำได้ เราไม่แพ้ชาติใดในโลกในเรื่องนี้" จิติณัฐกล่าวอย่างมั่นใจ
จิติณัฐ เล่าว่า คนที่เข้ามาแข่งมีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้มาอย่างน้อยอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว แต่ได้คัดเลือกมาออกรายการ ทางรายการก็จะใส่เพิ่มให้เขาอีกอย่างครบวงจร จากมืออาชีพทางด้านต่างๆ ด้านมาร์เชียลอาร์ต ครบเครื่องทุกแขนงของการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย เทควันโด กังฟู สตันท์ ซามูไร การใช้อาวุธทั้งมีคมและไม่มีคม รวมถึงศิลปะในการแสดง เพื่อพิสูจน์ฝีมือที่นอกจากความแข็งแกร่งบวกกับทักษะการต่อสู้รอบด้าน ให้เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของนักสู้ รวมทั้งฝึกให้มีปฏิภาณไหวพริบในการแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี จนพร้อมจะฉายแววความเป็นสตาร์กับโอกาสที่จะให้เขาก้าวไปสู่เวทีบันเทิงระดับโลก จากคนเบื้องหลังให้กลายมาเป็นคนเบื้องหน้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ
นอกจากนี้ จิติณัฐยังฝันให้รายการของเขาเป็นที่ยอมรับและนำไปสู่ต่างประเทศได้ "คนไทยมักไปซื้อรายการแล้วมาผลิตในบ้านเรา แต่เราหวังว่ารายการเราจะถูกต่างประเทศซื้อไปผลิตแบบเขามั่ง ซึ่งรายการของเจเอสแอลก็เคยถูกต่างประเทศซื้อไป ซึ่งสำหรับรายการนี้เราหวังจะต่อยอดทางด้านนี้มากๆ และเราจะทำให้รายการนี้ติดเป็นปีที่ 2-3-4-5 ต่อไป เหมือนรายการแข่งเพลง แข่งดารา อะไรแบบนั้นบ้าง"
ทั้งนี้ จิติณัฐย้ำถึงหลักปรัชญาในการทำงาน ...ว่าต้องพยายามคิดและเรียนรู้ให้มาก อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ อย่าหยุดที่จะคิด และพยายามคิดให้นอกกรอบอยู่เสมอ เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ แม้จะโตในต่างประเทศ แต่เขาคิดว่าการผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกกับความเป็นตะวันตก ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัว การเป็นไทยมากไป เป็นฝรั่งมากไปอาจจะทำให้ดูสุดโต่ง เนื่องจากทั้งความเป็นตะวันตกและตะวันออกก็มีข้อด้อย ข้อดีต่างกันไป เราต้องรู้จักดึงมาใช้
นอกจากนั้น ควรเปิดใจกว้างกับการทำ งาน มองโลกในแง่บวกเข้าใจทุกปัญหาย่อมมีทางออก เมื่อเจออุปสรรคปัญหาพยายามใจเย็น ตั้งสติคิดทบทวน แล้วค่อยแก้ปัญหาไปทีละข้อ อย่าใจร้อนและกดดันตัวเองมากเกินไปจนขาดสติ เขากล่าวทิ้งท้าย.