- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Sunday, 13 September 2015 11:56
- Hits: 13786
อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐบาลทหาร และ'การค้า'
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ให้โอกาส'มติชน'สัมภาษณ์พิเศษ ภายหลังการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมด้านเศรษฐกิจ
@ การทำงานด้านเศรษฐกิจ ภายใต้นโยบาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แตกต่างกันอย่างไร
นโยบายของท่านสมคิดเป็นนโยบายจากนายกรัฐมนตรีด้วย ที่หันมาดูในประเทศ เน้นการพัฒนาธุรกิจในประเทศ เพิ่มนักรบใหม่ๆ พัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่ นำเรื่องพัฒนาอีคอมเมิร์ซมาใช้ เหมือนหลายประเทศที่ใช้เพิ่มการค้าและเข้าตลาดโลก
กระทรวงพาณิชย์มี 2 เว็บไซต์ คือ thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่เชื่อมการค้าขายธุรกิจไทยกับต่างชาติ และ ThaiCommerceStore.com ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ยังเป็นการซื้อขายสินค้าพื้นบ้านในไทยต้องเอา 2 เว็บนี้ร่วมกัน แล้วเชื่อมกับกระทรวงไอซีที ดึงเอกชนด้านโลจิสติกส์ ดึงสถาบันการเงิน มาดูแลด้านธุรกรรมทางการเงิน ร่วมกันทำงาน
ในส่วนของความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ กรมพัฒนาการค้าจะออกเครื่องหมายรับรองให้กับธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผ่านการคัดเลือกจากกรม แต่พบว่ายังได้รับความร่วมมือน้อย อาจกลัวเรื่องเสียภาษี ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องดี ที่ผ่านมาเมื่อสินค้าลงในเว็บกรมแล้ว สินค้าดี มีดีไซน์ของตนเอง ก็มีค้าปลีกสั่งไปขาย อย่างกลุ่มเซ็นทรัลก็เลือกไปขายในสาขาของห้างและเปิดการเปิดตลาดให้สินค้านั้นด้วย
เศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำและการส่งออกถูกมองเป็นผู้ร้ายนั้น จะมองอย่างนั้นไม่ถูก การส่งออกไม่ดีไม่ใช่ผู้ร้าย เดิมนั้น เสมือนเอาไข่ในตะกร้าเดียว ก็จะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก
แต่ตอนนี้เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดี ส่งออกต้องกระทบด้วย จึงต้องหันมาสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศด้วย ซึ่งเรามีฐานเศรษฐกิจที่ดี เรามีฐานการผลิต มีฐานการเกษตรและอุตสาหกรรม มีฝีมือทางแรงงาน มีการสร้างสรรค์ก็ดี แต่เดิมมุ่งส่งออก ก็สนับสนุนเน้นอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก เมื่อส่งออกมีปัญหาก็ต้องกลับมาพัฒนาพื้นฐานในไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น หากเราเปิดตลาดต่างประเทศมากไป เมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็กระทบมาก
นโยบายหันมาพัฒนาในประเทศ เป็นแนวทางที่ดี และถูกจังหวะและเวลาในการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว ขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้ทิ้งการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมที่ไทยยังโดดเด่น เช่น ยานยนต์ แม้เป็นการลงทุนจากต่างชาติเป็นหลัก แต่มีธุรกิจต่อเนื่องรายย่อยเอสเอ็มอีอีกมากเกี่ยวข้องและจะได้ประโยชน์ด้วย
@ กระทรวงพาณิชย์เตรียมอะไรในการดูแลค่าครองชีพ กระตุ้นส่งออก และสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย
กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดตัว 3 บิ๊กบูม ซึ่งกลางสัปดาห์นี้ ได้เปิดตัวแนวทางในการดูแลค่าครองชีพแล้ว
เรื่องค่าครองชีพเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่กังวล กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ดูแล และให้มีสินค้าที่หลากหลาย เพียงพอ ให้ประชาชนเลือกซื้อได้ ราคาต้องยุติธรรมทุกขั้นตอน
คนถามว่าเมื่อราคาน้ำมันลดลง แต่ดูเหมือนราคาสินค้าไม่ลด ซึ่งได้สั่งให้ผู้บริหารระดับสูงทุกคน ทั้งพี่เอง รัฐมนตรีช่วย และอธิบดีกรมต่างๆ ออกตรวจราคาสินค้า ตลอดเดือนกันยายน ในทุกจังหวัด ซึ่งการตรวจสอบจากผู้บริหารที่ไม่ใช่แค่กรมการค้าภายใน จะได้มุมมองที่แตกต่างและนำมาเปรียบเทียบว่าจะทำแผนดูแล จะปรับหรือรับมือกันอย่างไรต่อไป
ภาวะราคาสินค้าขณะนี้ พบว่าราคาสินค้ามีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง อย่างสินค้าที่มีการปรับลดราคาลงมาตามต้นทุนน้ำมันที่ลดลงแล้ว เช่น ปูนซีเมนต์ลด 2-4% กระเบื้องลด 5-7% เหล็กลด 5-10% ปุ๋ยเคมีลด 10-30% เฉพาะปุ๋ยเคมีที่จำหน่ายให้เกษตรกรลด 25-50% เม็ดพลาสติกลด 3.85-7.7% ถุงพลาสติกลด 4.25-14.89% ยากำจัดศัตรูพืชลด 5-10% เป็นต้น สินค้าอื่นๆ ที่ลดลงตามต้นทุน เช่น น้ำมันพืชปาล์ม ขณะนี้ราคา 35-36 บาทต่อขวด ลดกว่าราคาแนะนำที่ 42 บาทต่อขวด น้ำมันถั่วเหลืองราคา 47-48 บาทต่อขวด จากราคาแนะนำ 52 บาทต่อขวด รวมถึงผักสด หมู ไก่ อาจมีไก่สด ปลาทะเล ก็ผลจากปริมาณและเข้มงวดการประมง
เมื่อวัตถุดิบลง แต่ก็ถูกมองถึงราคาอาหารปรุงสำเร็จ พูดว่าราคายังแพง เมนูละ 40-50 บาท หรือล่าสุดคนร้องว่าบางโรงพยาบาลแพงถึงจานละ 100 บาท เรื่องราคาอาหารนี้ก็ต้องดูในรายละเอียด เมื่อแตกต่างกัน ราคาก็ต้องแตกต่างกันด้วย ตั้งแต่สถานที่ขาย ชนิดข้าวที่ใช้ เป็นข้าวหอม หรือข้าวขาว หรือเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงว่าพิเศษกว่ากันหรือไม่ ต้นทุนเรื่องค่าแผง ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าแอร์อีก หากทานริมถนน ย่อมถูกกว่าในอาคารหรือในห้างดังๆ
เราก็ทำป้ายร้านหนู ณิชย์ ที่กำหนดขายไม่เกิน 35 บาท ไว้ในห้างและร้านอาหาร ตอนนี้มีแล้วกว่า 3 พันร้าน ก็จะเร่งเพิ่มให้เป็นทางเลือกมากเป็นหมื่นแห่ง พร้อมกับทำแคมเปญฉลาดซื้อประหยัดใช้ เปิดตัวแอพพ์ลายแทงสินค้าราคาถูกให้ประชาชนได้เลือกก่อนซื้อ อย่างน้ำดื่มขวดในห้าง 10 บาท ก็สามารถรินน้ำต้มจากบ้านมาบริโภคแทนก็ดี
บูมต่อมาที่จะเปิดตัวในสัปดาห์ต่อไป คือ แผนกระตุ้นส่งออก วันนี้ใครๆ ก็เป็นห่วง ส่งออกเราติดลบ 3% คงไม่ได้หวังว่า 4 เดือนที่เหลือปีนี้จะทำให้กลับมาเป็นบวกได้ เพราะเศรษฐกิจโลกเปราะบาง
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาก็แถลงแล้วว่าราคาโภคพันธุ์ ยังต่ำถึงปลายปีนี้ เรามองว่าจะทำปรับส่งออกอย่างไร แต่ไม่เน้นเรื่องการตัวเลขขยายตัวเท่าไหร่ เมื่อมาดูส่วนแบ่งตลาดในการส่งออกโลก ยังพบว่าไทยยังคงอยู่สภาพดี ไม่ลดลง แต่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไร แค่พอใจระดับหนึ่ง ต่อไปจะทำอย่างไรให้พายชิ้นนี้ลดลง
ตัวเลขส่งออกที่ลดลงไม่ได้ลดลงมากเท่าประเทศอื่น อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย ติดลบกว่า 10% แอฟริกาถึง 30% ไทยหดตัวน้อยกว่าหลายประเทศ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องเร่งรัดพัฒนา วันที่ 14 กันยายนนี้จะประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก สำหรับไทย การส่งออกสินค้าใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ผลจากค่าแรงสู้ประเทศเกิดใหม่อย่างลาว พม่า กัมพูชา ที่ถูกกว่าไทยมาก ยิ่งบังกลาเทศและปากีสถาน ยิ่งถูกมากขึ้น
ดังนั้น เราต้องผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม รับจ้างผลิตก็ได้แค่แรงงาน อย่างเสื้อผ้าจากรับจ้างผลิต ต่อไปต้องเพิ่มการออกแบบ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไปดูว่าในแต่ละประเทศต้องการอะไร ที่เราทำประจำคือร่วมมือกับต่างชาติ อย่างญี่ปุ่นแสดงความสนใจ พัฒนาร่วม ออกแบบและสร้างเอกลักษณ์
เมื่อสินค้าใกล้อิ่มตัว ก็ต้องก้าวไปหาภาคบริการ ดึงเข้ามาทดแทนรายได้ส่งออก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วน 50% จีดีพีไทยมาจากภาคบริการ และคิดเป็น 15% ของมูลค่าส่งออกรวม ซึ่งโตอย่างเงียบๆ ไม่รู้ตัว ก็จะนำมาเป็นอนาคตส่งออกของไทย ไม่แค่เน้นกลุ่มสินค้าที่ไทยเก่ง เช่น สปา อุตสาหกรรม ก็พัฒนาบริการใหม่ๆ เช่น ฟิล์ม อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งคนไทยมีพร้อมด้านบุคลากร รับจ้างผลิตก็แยะ ต้องดันเพิ่มเรื่องดึงมาใช้สถานที่และบุคลากร ไทยถูกยอมรับว่าเข้มแข็งสุดในอาเซียน ต่อไปต้องเพิ่มการสนับสนุนเงื่อนไขให้มากขึ้น ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ากว่า 7 พันกว่าล้านบาท ยิ่งขยายตัวเงินยิ่งลงไปถึงประชาชนและรายย่อย เพราะใช้คนแยะ ไลน์การผลิตยาว ตั้งแต่ผลิต ตัดต่อ จัดหาเสื้อผ้า ทำผม แต่งหน้า อื่นๆ ก็น่าจะทำเงินได้อีกมาก
ฮาลาล อีกกลุ่มที่จะผลักดัน เป็นตลาดใหญ่ในโลก ทั้งในรัสเซียม ตะวันออกกลาง แอฟริกา จีนก็มาก ด้านการผลิตนั้นอุตสาหกรรมดูแล แต่พาณิชย์จะเข้าไปดูแลเรื่องการตลาด
กลุ่มต่อไปคือ ก่อสร้าง แฟชั่น อัญมณี ไลฟ์สไตล์ อย่างอัญมณีก็เป็นยังเป็นบวก เราชำนาญเจียระไน ศูนย์กลางพลอยสี เรามีสถาบันรับรองคุณภาพ ติดหนึ่งใน 7 ของโลก มีรายได้ค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวเข้าซื้อมาก นอกจากนี้ โดยวางตัวเป็นเทรดดิ้งเนชั่นภาคบริการ ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางการคลัง การเงิน อย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะไทยมีฐานการผลิตและครบวงจร ซึ่งสามารถผลักดันไปเปิดสาขาหรือแฟรนไชส์ในต่างประเทศได้ อย่างแบล็กแคนยอน ก็พัฒนาจากเราไปเปิดสาขาในต่างประเทศ
งานเหล่านี้จะบรรลุได้จะต้องปรับทัพใหม่ เรามีทูต 65 ประเทศ บางส่วนต้องปรับและทำหน้าที่เป็นนักการตลาดของประเทศไทย โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศต้องเข้มแข็ง ก็มีคนชมบ้างติบ้าง กำลังปรับปรุงให้สำนักงานเป็นสำนักงานตลาดที่ยอมรับของโลก ต่อไปเมื่อมีคำถามแม้ตอบไม่ได้ทันที แต่ต้องมีคำตอบให้เขาภายใน 3-5 วัน
อีกบูมคือ การสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น กระทรวงพาณิชย์รับนโยบายเรื่องพัฒนาโอท็อป ซึ่งเป็นมรดกและมีความหลากหลาย จะต้องพัฒนาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดหาสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าแหล่งท่องเที่ยวในการวางจำหน่ายสินค้า ขอให้โมเดลเทรดจัดมุมขายสินค้าพื้นบ้าน ต่างชาตินั้นชอบวิถีคนไทย จะทำให้แตกต่างเหมือนหมู่บ้านในญี่ปุ่นที่กระจายไปหมด
อีกเรื่องคือขยายเอาต์เล็ต (ช่องทางขายสินค้า) เพื่อดูแลค่าครองชีพและลดราคาสินค้า จะช่วยเศรษฐกิจชุมชนฟื้นตัว ท่านสมคิดมีนโยบายให้ขยายขายสินค้าที่หลากหลาย ต้องสร้างความเข้มแข็งท้องถิ่น มีแผนร่วมกับภาคศึกษา หรือ นำผู้ประกอบการต่างประเทศมาดูเพื่อขยายการค้าและส่งออก ล่าสุดพี่ได้พบนักธุรกิจยุโรป เขาเสนอพัฒนาด้านการศึกษา สอดคล้องกับญี่ปุ่นเสนอร่วมมือพัฒนาดีไซน์ ซึ่งไทยมีผ้าทอดีๆ ที่จะจับคู่ ทำดีไซน์และแบรนด์ของไทย ส่วนแรงงานตัดเย็บจะใช้ประเทศเพื่อนบ้านผลิตก็ได้ ส่วนนี้รัฐมนตรีช่วย (สุวิทย์ เมษินทรีย์) กำลังเดินสายหารือภาครัฐ และเอกชน จัดทำแผนพัฒนาต่อไป
@ คาดหวังกับ 3 บูมอย่างไร
เป้าหมายใน 3 เดือน เราไม่ได้วางเป้าส่งออกภายใน 3 เดือนเป็นบวก แต่วัดได้จากแผนการทำตลาดในต่างประเทศ และดึงต่างชาติซื้อสินค้าในงานแฟร์ในไทย ซึ่งไทยจะติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ก็ต้องไปดูว่าอีก 4 อันดับเขาทำอย่างไร ไม่ได้จะมุ่งตัวเลขส่งออกภายใน 3 เดือนจะพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ ตัวเลขต้องมองระยะกลางและยาว แต่ที่จะเห็นผลคือผลักดันสินค้าโอท็อป ได้เห็นจุดกระจายสินค้าภายใน 3 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม ส่งออกเราก็มองภาพปีหน้าเป็นบวก แต่ตัวเลขเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเปราะบางแค่ไหน ปีหน้าจีนก็ไม่ยังไม่ดี จึงต้องเน้นภาคบริการมาชดเชย แต่สินค้าก็ผลักดันเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ทิ้ง ค่อนข้างอิ่มตัว เราพยายามเพิ่มมูลค่าตัวสินค้า จะเห็นผลในปีหน้าแน่นอน เรื่องการสร้างแบรนด์ต้องใช้เวลา ส่วนการวัดตัวเลขส่งออกบริการค่อนข้างยาก ก็กำลังเร่งทำตัวเลขเดือนหน้าก็จะมีการแถลงแยกจากตัวเลขส่งออกสินค้า
@ การเป็นรัฐบาลทหาร เป็นอุปสรรคต่อการค้าในตลาดโลกไหม
ไม่มีผลต่อการเจรจาการค้า พบนักธุรกิจต่างชาติ อย่างยุโรป เขาเข้าใจ แม้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เขากลับมองว่ามีซีเคียวริตี้ในประเทศ มองเรื่องมีความมั่นใจ มองรัฐบาลมั่นคง ก็ลงทุนไปด้วยดี เขายังเสนอตัวพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน นักธุรกิจเขาสนใจมาลงทุน เพราะไทยมีวัตถุดิบ หรือ ออสเตรียเสนอพัฒนาด้านการอาชีวศึกษา เราก็ยินดี เดิมอย่างโตโยต้าก็พัฒนาแบบเดียวกัน เขาว่ายังให้ความมั่นใจรัฐบาลชุดนี้
@ เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้าหรือไม่
ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา กรณีความตกลงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือทีพีพี (TPP) นั้น กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลตระหนักดีว่าเป็นความตกลงที่น่าจะเป็นผลดีต่อการค้าและการลงทุนของไทยในระยะยาว แต่ขณะนี้การเจรจาของประเทศในกลุ่มเอง 12 ประเทศสมาชิก ยังไม่เสร็จสิ้น จึงคงยังไม่สามารถรับประเทศใหม่เข้าไปได้ไม่ว่าเป็นรัฐบาลใครก็ไม่อาจเจรจาได้
ในส่วนของไทยคงต้องเตรียมตัวหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญๆ ในช่วงนี้ไปก่อน ซึ่งแม้ว่ายังอาจจะมีประเด็นอ่อนไหวคล้ายกับที่เคยมีการเจรจากับสหรัฐ เช่น เรื่องยา พันธุ์พืช หรือไอพี แต่ในเรื่องอื่นที่เคยมีปัญหาในอดีต ไทยก็ได้มีการปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น ลิขสิทธิ์ การจัดซื้อภาครัฐ การแข่งขัน รวมทั้งได้เปิดเสรีทางการเงินเพิ่มขึ้น จึงน่าจะทำให้ไทยเข้าร่วมการเจรจาในอนาคตได้โดยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปลายปีนี้ ต้องบรรลุซิงเกิลวินโดว์สให้เสร็จก่อนเปิด ก็ดำเนินการคืบหน้าแล้ว ต่อไปแค่เอกสารพร้อมก็รับจดทะเบียนต่างๆ ได้ภายใน 1 วัน
ตรงกันข้าม รัฐบาลนี้ถูกชมเรื่องแก้ปัญหาค้างที่สะสมมานานได้บรรลุใน 1 ปี เช่น การทำประมงเถื่อน (ไอยูยู) ที่เป็นปัญหามานาน 6-7 ปี มาถึงวันนี้เป็นจุดวิกฤต แก้ภายใน 6 เดือนก็สาหัสอยู่ ซึ่งมาตรการไม่ใช่ภาษีเป็นเรื่องกดดันการค้าในอนาคต
@ เป็นสตรีและคร่ำหวอดกับงานพาณิชย์มาตลอด เมื่อมาทำงานกับทหารต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง
เห็นพี่ปรับเปลี่ยนอะไรไหม ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่ดีที่ได้เรียนรู้เรื่องวินัยและอีกหลายเรื่อง เราก็ทำงานฐานะพลเรือน ไม่ใช่ต้องทำงานแบบเป็นทหาร ต่างก็ทำงานแบบโปรเฟสชั่นนอล สบายๆ
@ คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ มีมุมมองต่อทิศทางการเมืองอย่างไร
พี่ก็ทำงานส่วนของพี่ให้ดีที่สุด ทิศทางการเมืองก็เป็นเรื่องการเมือง เชื่อว่าไม่มีใครยึดติดอำนาจ เราอยู่เพื่อแก้ไขปัญหา เรื่องยกร่างรัฐธรรมนูญก็ว่าไป เราเป็นมืออาชีพ เราไม่ใช่นักการเมือง
@ จากวันที่รับตำแหน่งในกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีช่วย ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ถึงวันนี้ความรู้สึกเปลี่ยนไปหรือไม่
ยอมรับว่า มีความรู้สึกกลับไปกลับมา เวลาเหนื่อยก็รู้สึกว่ามาทำอะไรตรงนี้ แต่ก็จะทำหน้าที่ไปอย่างไม่ท้อถอย อนาคตจะปรับอย่างไรอีกหรือไม่ ไม่ทราบ ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ยึดติดอะไรตรงนี้
@ ดูแลตัวอย่างไรกับภารกิจที่ต้องลงพื้นที่กับการดูแลค่าครองชีพและพัฒนาชุมชน
คงทำอะไรไม่ได้มาก เพียงทานอาหารให้ครบ ออกกำลังสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นจุดอ่อนตอนนี้ หมอเตือนตลอด
แค่ทำงานก็หมดเวลา หมดแรง เวลากลับไปถึงบ้าน เจ้านายก็ตื่นเช้ามาก ซึ่งท่านก็มีงานมาก เลี้ยงสุนัขในบ้าน ตัวหนึ่งแก่มากแล้ว ตอนนี้ไม่ค่อยได้อุ้ม เรื่องคลายเครียด ไม่มีอะไร ก็อย่าเครียด จึงไม่ต้องหาวิธีคลายเครียด ใครๆ ก็ทำอย่างนี้ได้