- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Thursday, 16 April 2015 22:19
- Hits: 8610
"ซัยโจ เด็นกิ นับว่าเป็นบริษัทคนไทย รายแรกซึ่งเคยร่วมก่อตั้งกับบริษัทญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันเป็นบริษัทของคนไทย 100% โดยเรียนรู้เทคโนโลยีแรกเริ่มจากญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง"
สมศักดิ์ เจ้าของและกรรมการผู้จัดการบริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าว
สำหรับ เส้นทางของซัยโจ เด็นกิ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นายใหญ่ย้อนให้ฟังว่า เรียนรู้ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขาย และการตลาด ฝ่าฟันอุปสรรค และต่อสู้กับสินค้าแบรนด์อินเตอร์มาด้วยตนเอง จนได้รับการยอมรับจากตลาดไทยในอีก 10 ปีต่อมาด้วยส่วนแบ่งตลาดที่พุ่งไปถึง 18-19% ติดลำดับต้นๆ ของตลาด
เป็นตัวจุดประกายให้ริเริ่มต้นขยายไปยังตลาดต่างประเทศ และมุ่งตรงไปยังทวีปเมืองร้อนอย่างตะวันออกกลาง จากนั้นขยายไปอีกหลายประเทศจนปัจจุบันมีทั้งหมด 26 ประเทศ
ล่าสุด ประกาศรุก 3 ประเทศสุดหินคือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยถ้าสามารถ เติบโตใน 3 ประเทศนี้ได้จะเป็นบิ๊กโกรต ของซัยโจ เด็นกิ เพราะทั้ง 3 เป็นตลาดที่ใหญ่ จึงมีโอกาสในการขายสูง แต่ต้องยอมรับว่า การเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยสิงคโปร์ และออสเตรเลีย ยอมรับสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น
"ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศชาตินิยม จะใช้เฉพาะสินค้าแบรนด์ของญี่ปุ่นเอง ที่สำคัญเป็นประเทศที่มีมาตรฐานคุณภาพสูงมาก จึงไม่ง่ายในการนำเข้าสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ แต่ล่าสุดซัยโจฯ ได้รับการยอมรับในนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศ จากประเทศญี่ปุ่น"
สิ่งที่พิสูจน์คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนายใหญ่ของซัยโจฯ ได้รับเชิญจากประเทศญี่ปุ่นให้ขึ้นบรรยายและสัมภาษณ์ในงาน Asia Monozukuri ที่เกี่ยวกับการพัฒนาสินค้า และนวัตกรรมการผลิต ที่เมืองนาโกย่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
งาน Asia Monozukuri Summit เป็นงานสัมมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดย "นิเคอิ ชิมบุน" หนังสือพิมพ์ธุรกิจชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นรวบรวมผู้บริหารชั้นนำของบริษัทผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย มีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ต่ำกว่า 1,800 คน
สมศักดิ์ กล่าวถึงเบื้องหลังความสำเร็จ ดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจอย่างมาก และในงานได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศอย่างต่อเนื่องเป็น เวลากว่า 20 ปี จนปัจจุบันสินค้าซัยโจฯ จึงประหยัดพลังงานเหนือกว่าและมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานจนเป็นที่ยอมรับในประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้
สำหรับ เป้าหมายของบิ๊กโกรต ภายใน 3 ปี จะมีรายได้จากต่างประเทศที่ 3,000-4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันส่งออกไป 26 ประเทศ มีรายได้ที่ 300 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินว่าการขยายตลาดใหญ่ปีนี้ใน 3 ประเทศ จะส่งผลให้รายได้จากต่างประเทศจะเติบโต 5 เท่า หรือเป็น 1,500 ล้านบาท
จากนั้นมองถึงเป้าหมายใหญ่กับการขยายตลาดไปทั่วโลก และวาดฝันจะให้ซัยโจฯ เป็น แบรนด์ระดับภูมิภาค หรือรีจินัลแบรนด์ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศเองเอ็มดี ซัยโจฯ ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันในตลาดแอร์บ้านเราดุเดือดมาก คู่แข่งแบรนด์จากต่างประเทศแข่งกันหนัก และซัยโจฯ จะไม่แข่งเรื่องราคา ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเราถูกแย่งไป
"เราจึงจะเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านงบการตลาด 70-80 ล้านบาท และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้มีความครอบ คลุมขึ้นจาก 100 ราย เป็น 200-300 ราย ทั่วประเทศ เพื่อที่จะกลับขึ้นไปอยู่ในระดับเดิมเมื่อ 10 ปีก่อนมีส่วนแบ่งตลาด 18-19% ติดท็อป 5 ของตลาด จากตอนนี้มีอยู่ 7-8%"
เป็นความมุ่งมั่นของสินค้าแบรนด์ไทยที่พร้อมจะสู้ศึกกับแบรนด์อินเตอร์ในประเทศ และออกไปท้าชนบิ๊กแบรนด์นอกประเทศ