- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Tuesday, 17 March 2015 14:53
- Hits: 10479
มุมมองนักบริหาร : กรวิกา กอวรกุล...หัวเรือใหญ่ อินฟินิท เรียลเอสเตท
แนวหน้า : ดาวดวงใหม่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย...กรวิกา กอวรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัทในเครือ
บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ แฮปปี้ คอนโด และ แฮปปี้ โฮม อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 25 ปี ภายใต้การนำคุณ สุรพล กอวรกุล ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งได้เรียนรู้งานและรับการบ่มเพาะฝีมือมาจากคุณพ่อ มาถึงวันนี้ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท...คุณสุรพล พร้อมจะวางมือเพราะวางใจให้ทายาทสาวสุดรักสุดหวง... กรวิกา กอวรกุล (น้องบีเบลล์) รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัทในเครือ เข้ารับไม้ต่อจากเขา...
เป็นโชคดีของ”มุมมองนักบริหาร”ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ...น้องบีเบลล์...สาวน้อยหน้าใสอดีต เชียร์ลีดเดอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ ประกวดมิสทีนไทยแลนด์ปี 2008…ในบทบาท รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัทในเครือ ด้วยวัยเพียงวัย 25 ปี สาวน้อยคนนี้ฉายแววของคนที่มากคุณภาพมาตั้งแต่เด็กแล้ว...ตอนมัธยมเธอเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์ Harrow International School และส่วนศึกษาระดับปริญญาตรี ก็ที่Thammasat University และ Nottingham University สาขาวิศวกรรมศาสตร์ Manufacturing และก้จบด้วยมีดีกรี…First-class honour graduate (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ) พ่วงท้ายมาด้วย...และจบปริญญาโท University College London (Ucl) สาขาบริหารการจัดการ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2...
แต่ความความสามารถของสาวน้อยคนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น เธอยังมีความสามารถหลากหลายทั้งด้านกีฬาและดนตรีด้วย ด้านกีฬาก็เล่นได้หลายชนิดทั้ง แบดมินตัน กอล์ฟโยคะ มวย ไทย ว่ายน้ำ ขี่เจ็ทสกี ส่วนดนตรีก็ชอบ อีเลคโทน แต่ไม่ใช่แค่ความสามารถที่เธอมีเท่านั้นที่ทำให้คุณสุรพล วางใจให้เธอเข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ใน”อินฟอนิท”แทนเขา... แต่ทว่าคือนิสัยที่ทำอะไรด้วยความมุ่งมั่นต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก...เพราะเธอมักจะทำทุกอย่างดีที่สุด เช่นตอนเล่นกอล์ฟ ก็ถึงขั้นจะเทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟอาชีพ หรือตอนเล่นอิเลคโทนก็ปำกลถึงขั้นจะเป็นครูสอนดนตรีเลยทีเดียว... อย่างไรก็ตามในที่สุดแล้วเธอก็ต้องตั้งธงให้ชีวิตเธอเองด้วยการเข้ามารับช่วงต่อในบริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัทในเครือ แทนคุณพ่อของเธอ...
เธอบอกกับ”มุมมองนักบริหาร”ว่าเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วที่จะเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เพราะอยากจะมาช่วยกิจการทางบ้าน และก็เป็นวิชาที่มีเหตุมีผล ทุกอย่างมีขั้นตอนและคำอธิบายในที่มาของมัน แถมยังมีคำตอบที่ชัดเจนอีกด้วย แต่ก็ไม่แปลว่าได้ใบปริญญามาแล้วจะโดดมานั่งบริหารได้เลย
เธอบอกกว่า 2 ปีก่อนหน้านี้คุณพ่อได้ให้เข้ามาเรียนรู้งาน เริ่มตั้งแต่ช่วยงานในฝ่ายขาย บางทีก็เป็นเลขาคุณพ่อร่วมประชุมกับทีมผู้บริหาร และหัวหน้างานทุกๆส่วน ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายช่าง บางครั้งคุณพ่อก็พาลงไปที่ไซด์งานด้วย จนมาถึงวันนี้หลังจากถูกบ่มเพาะมากว่า 2 ปี คุณพ่อก็เริ่มให้คิดให้ตัดสินเอง ให้ดูแลในภาพรวมของบริษัททั้งหมด
และมาถึงวันนี้หลังจากที่เราได้วางระบบงานด้านต่างๆให้เข้าทีเข้าทางแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะ”รีแบรนด์ สินค้า”ของบริษัท คือแฮปปี้ คอนโด ให้ดูมีระดับขึ้น เพื่อสร้างความจดจำให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น ซี่งปัจจุบันบริษัทฯ มีการขยายโครงการทั้งบ้าน และ คอนโดฯ เช่น แฮปปี้โฮม ราม อินทรา 101 , แฮปปี้โฮม แจ้งวัฒนะ-หลักสี่ , แฮปปี้วิลล์ ดอนเมือง , พาร์ค เพลินจิต , แฮปปี้คอนโด ลาดพร้าว 101, แฮปปี้คอนโด รัชดา 18, แฮปปี้คอนโด หลักสี่-ดอนเมือง และแฮปปี้คอนโด ดอนเมือง
ทั้งนี้ ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนลงทุนคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ 1 โครงการ ส่วนอีกโครงการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต มูลค่ารวมกันเกือบ 2 พันล้านบาท ราคาอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นบาท ต่อตารางเมตร โดยตั้งเป้ารายได้จากการโอนไว้ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท และเป้ายอดขายประมาณ 1.5 พันล้านบาท จากโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย
“จะทำธุรกิจอสังหาฯให้อยู่รอดในยุคนี้ได้ต้องรู้ให้ลึกว่า กลุ่มลูกค้าเป็นใคร มีความชอบแบบไหน ซึ่งต้องเข้าถึงความต้องการ ของเขา และเนื่องจากลูกค้าปัจจุบันมีความรู้ ความเข้าใจด้านงานอสังหาฯ มาก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาทั้งสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการและทันยุคสมัย และแน่นอนว่าในธุรกิจนี้มีคู่แข่งมากมาย และเป็นคู่แข่งที่ล้วนแต่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเราจึงต้องชัดเจนในโพสิชั่นของเรา อย่างแรกเรามีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจนที่คือ กลุ่มซีบวกถึงบีบวก ดังนั้นสินค้าราก็จะตั้งเราคาให้เหมาะลูกค้ากลุ่มนี้ แต่ถึงกระนั้นเราก็ต้องทำให้แตกต่างจากคู่แข่งคือ นอกจากนเลือกใช้วัสดุที่ดีแล้ว เราตั้งธงว่าเราจะไม่ได้ขายแค่บ้าน แต่เราขายความสุขให้ลูกบ้านด้วย ดังนั้นทุกโครงการเราจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบถ้วย ให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตคล่องตัว สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกบ้านใช้มีความสุข และเป็นความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตามคอนเซ็ปของแบรนด์แรา” คุณกรวิกา กล่าว
ส่วนเรื่องหลักการในทำงานนั้น เธอบอกกับมุมมองฯว่า เนื่องจากเป็นเด็กวิศวะฯที่ถูกปลูกฝังนิสัยในเรื่องการใช้หลักเหตุผลเป็นหลัก แม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่า แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคหรือทำให้เกิดปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างเราคุยกันที่เหตุผล และคุณพ่อก็สอนมาเสมอในเรื่อง ระบบอาวุโสดี คิดเสมอว่าต้องมีความอ่อนน้อมให้เกียรติผู้ใหญ่ แม้ว่าจะจบมาจากเมืองนอก ก็เข้าใจดีเรื่องระบบอาวุโส ซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรมของไทย
“ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง เปิดใจกว้างในการสื่อสารรับฟังเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น ด้วยความจริงใจ นำเสนอนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ขายฝัน รู้จักกระจายงาน ไม่รวมทุกอย่างไว้ที่ตัวเองเพียงอย่างเดียว...นี่คือ เคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้ลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัยของเบลล์”
อนันตเดช พงษ์พันธุ์