- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Monday, 09 June 2014 00:09
- Hits: 4836
อาทิตย์เอกเขนก: 'ภวัฒน์'ชี้จุดสำเร็จธุรกิจเริ่มต้นที่อ่าน
ไทยโพสต์ : หากเอ่ยถึงวงการฉนวนยางและพลาสติกโพลีเมอร์ระดับโลก ผู้คร่ำหวอดในวงการคงคุ้นเคยกับชื่อบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรืออีพีจี ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยที่ผลิตสินค้าจำหน่ายทั่วโลก และติดอันดับความนิยมระดับสากล ภายใต้แบรนด์ที่โด่งดังสุดคือ แอร์โรเฟลกซ์ ซึ่งเป็นฉนวนยางและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในอาคารที่พัก สำนักงาน สนามบิน และโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำทั่วโลก โดยปัจจุบันมีศูนย์จำหน่ายกว่า 100 สาขาทั่วโลก ทั้งไทย จีน สหรัฐ อินเดีย และเยอรมนี เป็นต้น
แต่หากใครคร่ำหวอดอยู่ในวงการรถกระบะ ต้องไม่พลาดที่จะรู้จักกับพื้นปูกระบะพลาสติก ยี่ห้อ "แอร์โรคลาส" อย่างแน่นอน เพราะเป็นพื้นปูกระบะรายแรกของโลกที่ไม่ต้องเจาะกับตัวรถ เพียงแค่สวมลงไปก็ใช้ได้ และไม่ทำให้ตัวรถเป็นรูเสียหายแต่อย่างใด
สินค้าดังระดับโลกดังกล่าว เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของ "ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์" หัวเรือใหญ่บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ปฯ ที่จะผลิตออกมาให้มีคุณภาพสูงสุด และการไม่หยุดยั้งคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้วันนี้คนไทยได้ภาคภูมิใจที่สินค้าไทยเป็นที่นิยมทั่วโลกไปแล้ว
คุณภวัฒน์บอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กให้ฟังว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างจะลำบาก เพราะที่บ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ต้องเรียนหนังสือจีนอย่างหนัก เพราะที่บ้านมีเชื้อสายจีน แถมต้องเรียนไป ทำงานช่วยกิจการที่บ้านไปด้วย โดยตอนนั้นที่บ้านมีกิจการฟอกหนัง แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่หยุดนิ่ง ทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อย และอยากเป็นเถ้าแก่เอง ก็เริ่มเก็บหอมรอมริบทำธุรกิจผลิตประตู-หน้าต่างด้วย และด้วยความที่ชีวิตวัยเด็กชอบเรื่องวิทยาศาสตร์ ผูกพันกับวิทยาศาสตร์มาตลอด เพราะที่บ้านทำกิจการฟอกหนังอยู่กับเครื่องมือและสารเคมี และมีความสุขกับการคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ
โดยเมื่อเข้าสู่วัย 20 ปี ได้ผลิตสินค้าที่น่าสนใจมาก ในงานวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นทำลูกโป่งขึ้นกับเพื่อนๆ โดยซื้อกาวลาเท็กซ์มาผลิตคิดค้นจนกลายเป็นลูกโป่ง แต่อาจารย์ที่สอนกลับมองเห็นเป็นถุงยางอนามัย (คอนดอม) เลยมาพัฒนากลายเป็นคอนดอมคุมกำเนิด ไปขายที่ประเทศจีนจนได้รับความนิยมมาก
หลังจากการคิดประดิษฐ์ลูกโป่งแล้ว ก็พัฒนาสารเคมีไปเรื่อยๆ จนสามารถผลิตยางลูกกลิ้ง ใช้ทำเป็นพื้นรองเท้านักเรียน ทำล้อรถเข็น เป็นต้น ซึ่งถือเป็นความรักและความสุขที่ได้วิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา
จนวันหนึ่งมีคนมาแนะนำให้ทำอุตสาหกรรมยาง แต่ตอนนั้นเทคโนโลยีสูง สลับซับซ้อน และราคาแพง แต่โชคดีที่ส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านหนังสือ และบังเอิญไปเจอตำราเรื่อง "เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยาง" เป็นภาษาจีน และก็โชคดีที่ถูกเคี่ยวเข็ญให้เรียนภาษาจีนแต่เด็ก ทำให้อ่านออก ช่วยเปิดโลกทัศน์ด้านอุตสาหกรรมยางอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว ซึ่งให้ทั้งความรู้เรื่องสารเคมีและทฤษฎีสารเคมี เป็นต้น
จากการค้นเจอหนังสือในครั้งนี้ เท่ากับทำให้เราเปิดสู่ศักราชใหม่ สามารถเปลี่ยนสูตรสารเคมีจนพัฒนาพื้นรองเท้าให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น ต้นทุนถูกลง ความสูญเสียทางการผลิตลดหายไปหมด ได้พื้นรองเท้าที่มีคุณภาพ นุ่ม เหนียว ที่มีคุณภาพดีสุดในตอนนั้น
จนวันหนึ่งได้ก้าวสู่การพัฒนาพลาสติกที่ใช้เป็นพื้นปูกระบะบนรถ ซึ่งแต่ก่อนพื้นปูกระบะหลายบริษัทจะทำเป็นพื้นปูที่ต้องใช้นอตยึดติดกับตัวรถ ซึ่งทำให้รถเป็นรู เสียราคารถ และผมมองเห็นลู่ทางตรงนี้ จึงไปคิดค้นพื้นปูกระบะที่ไม่ต้องใช้นอต ไม่ต้องเจาะตัวรถ จนคิดค้นสำเร็จเป็นรายแรกของโลก และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไปทั่วโลกในเวลาไม่นาน ซึ่งทำให้บริษัทยิ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน บริษัท อีพีจี มีบริษัทลูกไม่ต่ำกว่า 6 บริษัทแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในอนาคตต่อไป
ดังนั้น เห็นว่าการอ่านหนังสือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี จึงอยากให้คนรุ่นหลังใส่ใจอ่านหนังสือ หาความรู้เพิ่มเติมกันให้มากขึ้น ปัจจุบันผมมีหนังสือที่รักมาก 200 เล่ม ซึ่งเตรียมจะมอบให้ห้องสมุดที่บริษัทจะจัดทำขึ้น เพื่อไว้เป็นส่วนกลางให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ศึกษาหาความรู้ เหมือนที่ตัวเองได้เคยใช้ประโยชน์จากความรู้ในหนังสือ จนทำให้ก้าวมายืนอยู่จุดสูงสุดทางธุรกิจในวันนี้ได้ แต่หนังสือที่รักทั้ง 200 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ อีกส่วนหนึ่งเป็นภาษาจีน แต่ไม่ว่าจะภาษาอะไร การอ่านจะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตของใครได้อีกหลายคน ดังนั้นจึงบอกคนรุ่นต่อๆ ไปว่าอย่าทิ้งการอ่านหนังสือเด็ดขาด
ด้วยความไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้ายางและพลาสติกโพลี เมอร์อยู่ตลอดเวลา ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก จากร้านฟอกหนังเล็กๆ กลายเป็นบริษัทใหญ่โตระดับโลก มีบริษัทลูกและสาขาขยายไว้มากมายหลายประเทศ และถึงคราวที่นักบริหารรุ่นลูกรุ่นหลานก็เริ่มเข้ามาช่วยบริหารงานกันอย่างเต็มกำลัง ทำให้ผู้บุกเบิกบริษัทอย่าง ภวัฒน์เริ่มปล่อยให้ลูกหลานเข้ามาดูแลกิจการอย่างเต็มที่ แต่ตัวเองก็ยังคอยดูแลให้การช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
คุณภวัฒน์ เล่าให้ฟังอีกว่า เวลาที่ไม่ต้องทำงาน กิจกรรมยามว่างจะเน้นที่การออกกำลังกาย ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ดูแลต้นไม้ และที่สำคัญ ผมชอบอยู่บ้าน ซ่อมแซม ดูแลบ้านมาก ซึ่งถือเป็นความสุขที่ได้ซ่อมโน่นซ่อมนี่ภายในบ้านด้วยตัวเอง เพราะผมเป็นช่าง เป็นวิศวะมาก่อน ทำให้วันนี้ภาคภูมิใจที่บ้านซึ่งอยู่อาศัยมานานหลายสิบปียังอยู่ในสภาพที่ดีและใหม่อยู่เสมอ ทั้งนอต กลอน ประตู ทุกอย่างผมทำเองหมด
คุณภวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันนี้ธุรกิจของครัวครัวอย่างอีพีจีได้เดินทางมาไกลระดับหนึ่งแล้ว แต่รุ่นลูกหลานที่มาบริหารงานที่ยังมีไฟแรง ก็ยังช่วยกันพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนตัวได้สอนลูกหลานด้านธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ ควรรู้ในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่รู้ให้ได้ดีที่สุด ดังนั้นต้องเรียนรู้หาข้อมูลให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่เราจะทำ เพราะการจะทำธุรกิจให้ใหญ่โตอย่างยั่งยืนต้องรู้ให้จริงเสียก่อน.