- Details
- Category: สัมภาษณ์พิเศษ
- Published: Monday, 06 October 2014 23:31
- Hits: 7452
สัมภาษณ์พิเศษ: เจาะกลยุทธ์'กิติชัย เตชะงามเลิศ'กับหนังสือออมจากน้อยเป็น'ร้อยล้าน'
บ้านเมือง : ใครๆ ก็ฝันอยากมีเงินเก็บหลักล้าน แต่จะมีใครสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จกับการออมเงินให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ "บ้านเมือง" ได้มีโอกาสพูดคุยเจาะลึก กับ ‘คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ’นักลงทุนมืออาชีพและเจ้าของผลงานล่าสุดที่เพิ่งได้เปิดตัวหนังสือเล่มที่ 2 ออมจากน้อยเป็น’ร้อยล้าน’ถึงเคล็ดลับการจัดสรร ปันส่วนในการออมเงินง่ายๆ ที่ใครหลายคนก็สามารถมีเงินในบัญชีหลักล้านได้
ผลตอบรับดีในหนังสือเล่มแรก
คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และเจ้าของผลงานล่าสุดกับหนังสือ ออมจากน้อยเป็น "ร้อยล้าน" เปิดเผยว่า หลังจากหนังสือเล่มแรก’จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร?’ออกวางจำหน่าย ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จนตัดอันดับ 1 ใน 10 หนังสือที่มียอดขายดีที่สุดหรือเบสท์เซลเลอร์อยู่ประมาณ 2 เดือน ปรากฏว่ามีคำถามจากผู้อ่านเกิดขึ้นว่าในเมื่อเงิน 1 ล้านบาทยังไม่มี แล้วจะเอาอะไรไปต่อยอด จากนั้นมีความคิดว่าจะช่วยให้ผู้อ่านสร้างเงินล้านแรกให้ได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของหลังสือเล่มที่ 2 คือ ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน
เผยถึงหัวใจสำคัญของหนังสือ
"โดยหัวใจสำคัญของหนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" ก็คือ เพียงคุณมีเงินเดือนแค่ 15,000-20,000 บาท คุณก็เป็นเจ้าของคอนโดย่านสุขุมวิทได้ อย่างที่เราก็ทราบกันว่าย่านสุขุมวิท ก็เป็นย่านที่ใครหลายคนอยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ เพราะมีความสะดวกสบายและก็ดูเป็นแหล่งทันสมัย มีแหล่งช็อปปิ้ง โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย การเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน และก็หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คนที่มีเงินเดือนแค่ 15,000-20,000 สามารถเป็นเจ้าของคอนโดย่านสุขุมวิทได้"
คุณกิติชัย กล่าวว่า สำหรับหัวใจหลักของหนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" ก็คือ หากคุณออมเงินแค่เดือนละหลักพัน คุณก็จะสามารถเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้แนะนำว่าเพียงออมเงินเดือนละ 8,333 x12 เดือน ก็จะมีเงิน 100,000 บาท ซึ่งในปัจจุบันผู้ที่เริ่มทำงานนั้นมีเงินเดือน 15,000 บาท อีกทั้งยังอาศัยอยู่กับครอบครัว มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่ยังไม่ต้องเสีย
"ในหนังสือเล่มนี้ผมทำตารางไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย โดยปกติคนเราจะมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละประมาณ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวก็มีหลายอย่างเค้าไม่ต้องจ่าย แต่กรณีบางคนที่แยกมาอยู่เอง อาจจะมีเงินเดือนสัก 20,000 ถึงจะเริ่มออมได้ เช่น ถ้าจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องพัก ค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าเดินทาง และใช้เงินอย่างประหยัดก็สามารถให้อยู่ในงบเดือนหนึ่งไม่เกิน 12,000 บาท ในหนังสือทำตารางไว้ว่าในเดือนหนึ่งคุณจ่ายอะไรได้บ้าง หากออมได้เดือนละ 8,000 บาท จนครบ 12 เดือนก็จะมีเงิน 96,000 บาท ซึ่งก็เกือบ 100,000 บาท และถ้าเขาประหยัดอีกนิดก็มีเงินออมปีละ 100,000 บาทพอดี"
ออมเงินให้ได้ปีละแสน
เจ้าของผลงาน 'ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน'กล่าวต่อว่า หากผู้อ่านนำเงินที่ออมได้ปีละ 100,000 บาท นำไปฝากธนาคารโดยที่ไม่ถอนเงินออกจากบัญชี โดยจะมีดอกเบี้ยสะสมเรื่อยๆ จบครบ 30 ปี ทำให้จากเงินออม 100,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเงินออมจำนวน 4,800,000 บาท
"หลายคนอาจคิดว่ารวยแล้วฉันเป็นเศรษฐีเงินล้านพอแล้ว แต่ผมบอกเลยว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า ค่าเงินของ 4,800,000 บาทเป็นค่าเงินที่น้อยมาก อาจจะเปรียบเทียบกับสมัยนี้เป็นเงิน 400,000 บาทเองด้วยซ้ำ โดยดูง่ายๆ หากย้อนหลังไป 30 ปีที่แล้ว ข้าวแกงจานละประมาณ 5-7 บาท ปัจจุบันนี้ ข้าวแกงจานละ 35-40 บาท และเราเห็นว่า 30 ปีผ่านไป ราคาข้าวแกงเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6 เท่า ถ้าอีก 30 ปีข้างหน้าราคาข้าวแกงเพิ่มขึ้นอีก 5-6 เท่า เหมือนกับ 30 ปีที่ ผ่านมา ราคาข้าวแกงอาจจะจานละ 200 บาทก็ได้ เพราะฉะนั้นค่าของเงิน 4,800,000 อาจจะเหลือแค่ประมาณ 600,000-700,000 บาทในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะไม่พอเลี้ยงดูตอนที่เราเกษียณอายุ จึงต้องให้ความสนใจเรื่องการนำเงินออมไปลงทุนว่าจะลงทุนอะไรได้บ้างเพื่อจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่านี้ ซึ่งจึงเป็นที่มาในออกหนังสือเล่มนี้ เพื่อแนะแนวว่าคุณจะเอาเงินออมของคุณไปลงทุนอะไรได้บ้าง"
นำเงินออมไปลงทุนเพิ่มมูลค่า
ทั้งนี้ ภายในหนังสือเล่มดังกล่าวได้มีการแนะนำว่าจะนำเงินออมไปลงทุนอย่างไรได้บ้างที่จะได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งได้ยกตัวอย่างมา 3 ประเภท สำหรับผู้ออมที่เป็นประชาชนคนทั่วไป ได้แก่ 1.การลงทุนในหุ้น 2.การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 3.การลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากนี้ในหนังสือจะมีการแนะนำการแบ่งสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนในแต่ละช่วงวัยอีกด้วย
"ตามสถิติถ้าลงทุนในระยะยาว หุ้นกลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพราะเราคุยกันถึงว่าโครงการที่จะออมต่อเนื่อง 30 ปี เพราะฉะนั้นผลตอบแทนจากหุ้นถือว่าเป็นผลตอบแทนดีที่สุด รองลงมาคือ อสังหาริมทรัพย์ แต่จะค่อยๆ ไป มันไม่หวือหวา โอกาสที่จะตกลงมาน้อย ถ้าไม่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งเหมือนคราวที่แล้ว ส่วนตราสารหนี้ จะเป็นอะไรที่ผลตอบแทนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำ อย่างที่เราทราบกันว่าอะไรที่มีผลตอบแทนสูงมันก็มาด้วยความเสี่ยงสูง และอะไรที่ผลตอบแทนต่ำความเสี่ยงก็จะต่ำไปด้วย ถ้าเราเรียนรู้เรื่องการลงทุน เราเข้าใจสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน ก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยลง"
สำหรับการลงทุนในหุ้น ในมุมมองการลงทุนของคุณกิติชัย ได้แนะนำหุ้นในกลุ่มของธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจเดินเรือ ที่มองว่ามีความน่าสนใจ
เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกวัย
คุณกิติชัย กล่าวต่ออีกว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สามารถให้ประโยชน์กับผู้อ่านทุกวัย และเชื่อว่าในอีก 20-30 ปีข้างหน้าจะมีคนไทยมีเงิน 100 ล้านบาทหลายคน
"หนังสือเล่มนี้ออกมาตอบสนองทุกเพศทุกวัย โดยกลุ่มเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้ก็คือกลุ่มคนที่เริ่มทำงาน จริงๆ ผมยัง
แนะนำว่าผู้ปกครองเนี่ยควรจะซื้อเล่มนี้ให้ลูกหลานอ่าน เพราะว่าลูกหลานจะเริ่มมีพื้นฐานเรื่องการออม ปัจจุบันพิมพ์ครั้งที่ 3 แล้ว นอกจากนั้นตอนนี้ที่ร้านนายอินทร์ได้ติดอันดับเป็นหนังสือ How too ในเป็นอันดับหนึ่งรายได้ของนายอินทร์เลย ส่วนที่ร้านหนังสือบีทูเอสก็ติดอันดับที่ 1 ของหนังสือ ในหมวดธุรกิจอีกด้วย"
ผู้เขียนหนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" กล่าวปิดท้ายว่า อยากให้คนไทยหันมาเรียนรู้เรื่องการออมให้มากขึ้น หากได้อ่าน
หนังสือเล่มนี้แล้วจะได้เรียนรู้ว่าแนวคิดที่ถูกต้องเรื่องการออม คืออย่างไร และคุณจะออมอะไรได้บ้างในแต่ละช่วงวัยของ คุณ รวมถึงจะออมอะไรในสัดส่วนที่เท่าไหร่ ซึ่งถือว่าหนังสือเล่มนี้แล้วก็เหมือนอาหารสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตาม หากผู้อ่านได้ติดตามหนังสือเล่มนี้แล้ว และรู้จักการอดออม ใช้เงินอย่างประหยัด ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก และแบ่งสัดส่วนการลงทุน เพียงเท่านี้คุณก็จะมีเงินออมหลักล้านอย่างแน่นอน