- Details
- Category: POLL
- Published: Saturday, 06 January 2018 16:32
- Hits: 22497
นิด้าโพล เผยคุณภาพชีวิตคนไทยภายใต้รัฐบาล คสช.ปี 60 ด้านสาธารณูปโภคดีขึ้นแต่เศรษฐกิจแย่ลง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เผยประชาชนส่วนใหญ่ 49.36% เห็นว่าคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ในปี 2560 เมื่อเทียบกับปี 2559 ภายใต้รัฐบาล คสช.ดีขึ้น ได้แก่ อันดับหนึ่ง 49.36% ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เช่น สัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต น้ำประปา ไฟฟ้า ถนน การคมนาคม ฯลฯ
อันดับสอง 47.44% ด้านความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว อันดับสาม 43.84% ด้านการบริการและการได้รับสวัสดิการของรัฐด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน เช่น ระบบ การศึกษา ระบบประกันสุขภาพ การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐแก่ประชาชน อันดับสี่ 41.52% ด้านระดับความสุข และอันดับห้า 39.765 ด้านความสงบสุข ความปรองดอง ความสามัคคีของคนในสังคมและชุมชน
ขณะที่คุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเท่าเดิม ได้แก่ อันดับหนึ่ง 44.00% ด้านการพักผ่อนและการใช้ชีวิตในเวลาว่าง อันดับสอง 42.80% ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อันดับสาม 40.32% ด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจโดยรวม อันดับสี่ 33.60% ด้านเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง และอันดับห้า 32.48% ด้านปัญหาทางการเมือง
ส่วนคุณภาพชีวิตที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าแย่ลง ได้แก่ อันดับหนึ่ง 54.24% เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และอันดับสอง 39.04% ด้านการศึกษา/ภาวะการมีงานทำ/การประกอบอาชีพ
สำหรับ ความคาดหวังต่อคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ในปี 2561 ภายใต้รัฐบาล คสช.ที่ดีขึ้นของประชาชนส่วนใหญ่ ได้แก่ อันดับหนึ่ง 71.04% ด้านระดับความสุข อันดับสอง 65.84% ด้านความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว อันดับสาม 64.72% ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เช่น สัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต น้ำประปา ไฟฟ้า ถนน การคมนาคม ฯลฯ อันดับสี่ 64.56% ด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจโดยรวม อันดับห้า 61.76% ด้านการพักผ่อนและการใช้ชีวิตในเวลาว่าง
อันดับหก 58.88% ด้านการบริการและการได้รับสวัสดิการของรัฐด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน เช่น ระบบ การศึกษา ระบบประกันสุขภาพ การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐแก่ประชาชน อันดับเจ็ด 58.64% ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อันดับแปด 56.56% ด้านความสงบสุข ความปรองดอง ความสามัคคีของคนในสังคมและชุมชน อันดับเก้า 54.88% ด้านการศึกษา/ภาวะการมีงานทำ/การประกอบอาชีพ อันดับสิบ 53.04% ด้านเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ อันดับสิบเอ็ด 52.40% ด้านปัญหาทางการเมือง และอันดับสิบสอง 49.44% ด้านเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง
อนึ่ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "คุณภาพชีวิตของคนไทย 2560 และความคาดหวังภายใต้รัฐบาล คสช." ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปกระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง
โฆษก รบ.ยันปี 61 เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและขจัดความยากจน ชี้มีสัญญาณที่ดีขึ้นหลายอย่าง
พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเศรษฐกิจไทยจะเฟื่องฟูขึ้น เป็นปีแห่งการขจัดความยากจน ผลักดันเม็ดเงินลงฐานราก กระจายรายได้ลงชุมชน โดยใช้ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการเกษตร เป็นกลไกสำคัญเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ
“ดัชนีชี้วัดหลายตัวบ่งบอกว่า เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งขึ้น ทั้งการเติบโตของจีดีพีในปี 60 ดัชนีเงินเฟ้อและตัวเลขหนี้สินที่ยังอยู่ในระดับเหมาะสม การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนโครงการใหญ่ ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้น โดยภายในไตรมาสที่ 2 จะเริ่มลงทุนได้ เมื่อการประมูลแล้วเสร็จ"
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงความต้องการของประชาชน ทั้งจากการลงพื้นที่และผลสำรวจของโพลต่าง ๆ ที่อยากให้รัฐบาลพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับทุกคน โดยย้ำว่านอกจากการดูแลเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ทั้งการส่งออก และการลงทุน ทั้งภายในประเทศและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาแล้ว จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ผลักดันการหาตลาดและเพิ่มมูลค่าราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ ให้สูงขึ้นด้วย
“นายกฯ อยากให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาชีวิตตนเองให้ดีขึ้นไปพร้อมกับรัฐบาล โดยรู้สึกพอใจที่ได้รับทราบข้อมูลจากธนาคารออมสินว่า ในปีนี้ผู้มีรายได้น้อยตั้งใจจะออมเงิน พัฒนาตนเอง พัฒนางาน และดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย เลิกเหล้าและบุหรี่ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันรักษาบรรยากาศความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อเดินหน้าประเทศตามโรดแมปที่ได้กำหนดไว้"
นายกฯ พอใช้ภาวะเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่มีเงินสะพัด 5.7 หมื่นล้านบาท
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความดีใจหลังได้รับรายงานภาวะการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทั่วประเทศในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอาหารในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าเพื่อนำกลับไปปรุงรับประทานกับครอบครัว ซึ่งในปีนี้มีราคาไม่แพง ทั้งเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักและผลไม้ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ควบคุมให้มีราคาที่เหมาะสม
"นายกฯ ดีใจที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ โดยรัฐบาลพยายามออกมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประชาชน เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยสนับสนุนค่าครองชีพและการเดินทาง หรือช้อปช่วยชาติ แม้ว่าในปีนี้จะออกมาเร็วกว่าปีก่อน ๆ แต่ผู้ประกอบการก็มีแนวทางส่งเสริมการขายไปตลอดทั้งช่วงเทศกาล"
ปีนี้มีประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดและกลับภูมิลำเนาในสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ โดยนิยมไปทำบุญไหว้พระ สังสรรค์กับญาติมิตร และซื้อของขวัญของฝากให้แก่ผู้อื่น โดยธนาคารออมสินได้คาดการณ์ว่าพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยจะจับจ่ายใช้สอยรวมกันประมาณ 57,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 3,765 บาท/คน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะและการเดินทาง โดยขอให้ทุกคนใช้ความระมัดระวัง ช่วยตักเตือนกันเองภายในครอบครัว และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
อินโฟเควสท์
กท.โพลล์ เผยปีใหม่คนส่วนใหญ่อยากให้กำลังใจนายกฯ ช่วยทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
กรุงเทพโพลล์ เผยประชาชนส่วนใหญ่อยากมอบรอยยิ้มและให้กำลังใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ รองลงมาระบุว่าจะเป็นคนดีของสังคมและตั้งใจทำงาน ตามด้วยอยากให้ยาบำรุงและเครื่องดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ เช่น ซุปไก่สกัด รังนก ฯลฯ, ให้ดอกไม้ พวงมาลัยให้ของต่างๆ เช่น พระเครื่อง การ์ดอวยพร นาฬิกา ปากกา ฯลฯ และอยากให้ยาบำรุงและเครื่องดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ
ส่วนของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากได้จากนายกรัฐมนตรี คือ อยากให้ช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รองลงมาระบุว่า อยากให้จัดการเลือกตั้งเร็วๆ ตามด้วยอยากให้พัฒนาประเทศดีขึ้นและสงบสุข, ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น และเพิ่มเงินเดือน ขึ้นค่าแรง เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ
สำหรับ สิ่งที่ประชาชนตั้งมั่นและตั้งใจจะทำในปีใหม่มากสุดคือ จะดูแลครอบครัวให้ดี จะตั้งใจเรียนตั้งใจทำงาน รองลงมาคือจะทำความดีเพื่อพ่อหลวง จะทำดีกว่าเดิมเพื่อสังคม ตามด้วยจะทำธุรกิจให้ก้าวหน้าสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้, จะทำบุญ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม และจะต้องมีเงินเก็บ มีเงินใช้หนี้ มีเงินผ่อนบ้าน-ผ่อนรถ
ทั้งนี้ กรุงเทพโพลล์ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง "สิ่งที่ตั้งใจทำและของขวัญปีใหม่ที่อยากได้จากนายกฯ ในปี 2561" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,154 คน ช่วงวันที่ 9-12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
อินโฟเควสท์