- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published: Wednesday, 08 November 2017 21:38
- Hits: 2218
Ultra Wealth Group จัดสัมมนา '2018 Economic Outlook และหุ้นที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จดูอย่างไร'
ติดอาวุธทางความคิด เตรียมรับมือ พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนในเศรษฐกิจปี 2018…. อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป (Ultra Wealth Group) หลักสูตรอบรมการลงทุน เพื่อการบริหารความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน จัดงานสัมมนา ‘2018 Economic Outlook และหุ้นที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จดูอย่างไร’ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจปี 2018 โดย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ วาณิชธนากร กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยภาพรวมของเศรษฐกิจในปีหน้าว่า'ตัวเลขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขราคาหุ้น จีดีพี ตัวเลขการส่งออก เป้าหมายดัชนีต่างๆ อยู่ในทิศทางที่มีการปรับขึ้นต่อเนื่อง มีการฟื้นตัวในประเทศ กำลังซื้อจะเพิ่มมากขึ้น แม้หนี้ครัวเรือนยังโต แต่จะเติบโตในอัตราที่น้อยลง โดยในปี 2018 กำลังซื้อและการจับจ่ายที่อั้นอยู่จะเติบโตขึ้น การบริโภคฟื้นตัว การส่งออกก็เติบโต การลงทุนก็จะดีขึ้น เศรษฐกิจทุกแขนงจะเติบโตอย่างสอดประสานกัน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่จะปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป การปรับลดงบดุล และยังมองว่าข้อกฎหมายหรือ regulations ต่างๆ ภาครัฐควรมีการยกเลิกบ้าง ต้องกล้าเพื่อให้เป็นจุดเปลี่ยน เพื่อรองรับการเติบโตของนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะกฎหมาย ไม่สามารถตามทันนวัตกรรมได้ อีกอย่างข้อบังคับเหล่านี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมการลงทุนไม่ว่าจะเป็นของคนไทยหรือต่างชาติ ทั้งในเรื่องของการขอใบอนุญาตที่ใช้เวลาหลายเดือน การบังคับใช้กฎหมายให้ความคุ้มครองไม่ให้ต่างชาติถือสิทธิ์เกินจำนวน ทำให้ไทยเกิดความล่าช้าในเรื่องการขยายตัวของนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี ซึ่งต่างกับอเมริกา จีน อินเดียที่เปิดกว้าง นอกจากนี้ยังต้องจับตามอง เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจกับประเทศที่กำลังพัฒนา อย่างเช่น TPP ที่จะสร้างประโยชน์ให้ชาติมหาอำนาจในข้อตกลงต่างๆ ที่เอื้อต่อความเป็นชาตินิยม
ส่วนหนึ่งผมยังคิดว่า จุดแข็งของคนไทย คือ เศรษฐกิจแบบมีความโอบอ้อมอารี (compassionate) และการใส่ใจซึ่งกันและกัน (empathy) น่าจะเป็น Culture economy ที่ช่วยให้ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น การไม่ใช้เงินเกินตัว อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย เอาใจใส่คนทั่วไปหรือรากหญ้า เหมือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือ ที่นักเศรษฐศาสตร์โลก อดัม สมิธ เขียนไว้ในหนังสือ Wealth of Nation และ The Theory of Moral Sentiments ซึ่งเป็นรูปแบบของโมเดลธุรกิจที่องค์กรใหญ่ๆ ก็นำมาใช้กันปัจจุบัน”
ส่วนมุมมองจากนักบริหารกองทุนที่มาร่วมสัมมนา ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ทาลิส เผยว่า “ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ น่าจะอยู่ที่ระดับ 1700 จุด ผลจากเศรษฐกิจไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หน่วยงานต่างๆ ได้มีการปรับประมาณการ คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ประมาณ 4% และผลประกอบการต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าดูจากสถิติที่ผ่านมา ผมยังเชื่อว่า หุ้นยังมีโอกาสขึ้น แต่ 2 – 3 ปีนี้ ไม่ควรโหมเล่นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหากตลาดผันผวนจะได้เสียหายไม่มากนัก ขอให้เล่นอย่างระวัง ดูภาพรวมประกอบกับสถิติที่ผ่านมา เพื่อช่วยในการคาดการณ์ หรือพูดง่ายๆ คือ aim for the best, prepare for the worst ในช่วงปลายปีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะเป็นตัวชูโรง เพราะมีแรงหนุนจากภาครัฐ และได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในอเมริกาหรือในแถบยุโรปจะเป็นตัวฆ่าตัวเอง นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนจะย้ายมาเที่ยวแถบบ้านเราแทน ในส่วนของพลังงานทดแทน ภาพรวมยังไปได้ แต่สิ่งเหล่านี้จะมีวันหมดอายุ ต้องมีของใหม่มาเติมเต็มและต้องใช้การลงทุนสูงอีกด้วยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับอานิสงส์จากการก่อสร้างเรื่องรถไฟฟ้ายังไปได้อยู่”
ด้าน พีรพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด แสดงความคิดเห็นว่า “สำหรับปี 2018 ถ้าพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย สังคมที่กำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย หุ้นในกลุ่มของปัจจัย 4 ยังเป็นหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ P/E ยังคงขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเป็นไปอย่างช้าๆ สำหรับ หุ้นกลุ่มการเงินยังเหนื่อย เพราะมี FinTech เข้ามา ส่งผลให้ตัวเลข P/E ดูจะยังคงลดลงต่อไป ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสาร การแข่งขันเรื่อง margin ยังคงสูงอยู่”
ด้านหุ้นที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จนั้น จากมุมมองของ 3 เซียนหุ้นระดับประเทศ เริ่มที่ เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เผยว่า “หุ้นที่น่าสนใจ คือ หุ้นที่บริษัทมีการเจริญเติบโตได้ดี โตเร็ว และผู้บริหารมีความสามารถ หุ้นที่ทำเงินต้องดูจากอัตราการเติบโต ปันผลดีและรัฐบาลให้การส่งเสริม’ นเรศ งามอภิชน เห็นว่า ‘ดูจากความนิยมของตลาด ผลประกอบการ กำไรย้อนหลัง เพราะถ้าธุรกิจทำกำไรได้ดีก็จะสะท้อนถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร’ปิดท้ายที่ เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง กล่าวว่า “ต้องเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีสภาพคล่อง ถ้าหุ้นตัวเดิมที่ถืออยู่ไม่ขึ้น เราต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พิจารณาจากกราฟและดูกำไร”