สมาคมส่งเสริมการลงทุนการค้า ไทย-จีน ลงนามร่วมมือทางธุรกิจกับรัฐบาลซัวเถา หวังเพิ่มการค้า-ลงทุน เผยจีนสนใจแปรรูปสินค้าเกษตรในไทย ก่อนส่งกลับประเทศ รองรับจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในอนาคต ระบุอนาคตซัวเถาขยายตัวอีกมาก หลังรัฐบาลกลางอนุมัติถมทะเลสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้านไทยหวังได้พันธมิตรต่อยอดค้าขายทั่วจีน
สมาคมส่งเสริมการค้าการลงทุน ไทย-จีน ลงนามบันทึกความเข้าใจ กับรัฐบาลซัวเถา เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน วานนี้ (4 ส.ค.) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการร่วมมือโดยภาครัฐ
นายธนากร เสรีบุรี นายกสมาคมส่งเสริมการค้าการลงทุน ไทย-จีน กล่าวว่า ที่ผ่านมาไทย มีการค้าการลงทุนกับเมืองซัวเถาจำนวนมาก แต่เป็นไปในรูปแบบของผู้ประกอบการร่วมมือกันเอง มีทั้งโดยตรง และลงทุนผ่านสิงคโปร์ ฮ่องกง
“ไทยกับซัวเถา ทำการค้ากันมาก แต่ต่างคนต่างทำ จึงทำให้ไม่รู้ว่า มีมูลค่ามากน้อยเพียงใด แต่ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความคล่องตัวมากขึ้น เพราะจะเป็นแหล่งในการหาข้อมูล และพันธมิตรรองรับให้แก่กัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในการทำธุรกิจ การลงทุน เหมือนซีพี ที่เราประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ ก็เพราะได้พันธมิตรที่ดีเมื่อตอนที่เข้าไปลงทุนใหม่ๆ”
การลงนามครั้งนี้ เกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า น่าจะมีการร่วมมือกันมากขึ้น โดยทางรัฐบาลซัวเถา ต้องการผลักดันให้นักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และการเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์ม น้ำตาล ยางพารา เป็นต้น เช่น การเข้ามาลงทุนแปรรูปสินค้าเกษตรในไทย ก่อนส่งกลับไปจำหน่ายที่จีน เนื่องจากจีนเห็นว่าในอนาคต จะมีความต้องการอาหารจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเข้าใจได้ดีว่าไทยคือแหล่งอาหารโลก
การเข้ามาลงทุนนี้จะทำให้ไทยได้รับผลประโยชน์ จากทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูป มีตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มเติม
"จริงๆแล้ว การลงทุนแปรรูป ก็ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีหรือโนว์อาวขั้นสูงอะไรนัก แต่ว่าสิ่งที่เราจะได้มากกว่านั้นก็คือ ได้ตลาด นั่นเป็นสิ่งที่ไทยต้องการอย่างมาก"
เล็งใช้ซัวเถาต่อยอดธุรกิจทั่วจีน
ส่วนของไทยที่มองซัวเถา ก็เห็นมีความสำคัญ และความน่าสนใจในการลงทุน หรือทำการค้าระหว่างกันอย่างมากเช่นกัน เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน วัฒนธรรมใกล้เคียงกัน เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีชาวจีนแต้จิ๋วอาศัยอยู่จำนวนมาก และที่สำคัญคือ ไทยต้องการใช้ซัวเถาสร้างโอกาสในการขยายการค้าการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศจีนต่อไป เนื่องจากซัวเถาได้ชื่อว่ามีนักธุรกิจที่มีความสามารถ และปัจจุบันออกไปลงทุนในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนั้นหากไทยเป็นพันธมิตรกับซัวเถาได้ จะทำให้การหาตลาด หรือลงทุนในพื้นทื่อื่นๆ ในอนาคตทำได้ง่ายขึ้น
“นักธุรกิจซัวเถา ได้รับการยอมรับว่าเก่งทางการค้า และเดินทางไปทั่วเมืองจีน เฉพาะที่เมืองใหญ่ เมืองเศรษฐกิจสำคัญอย่าง เซี่ยงไฮ้ ปัจจุบันมีนักธุรกิจซัวเถาเข้าไปลงทุนกว่า 3 แสนคน”
ปัจจุบันธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงของซัวเถา คือ ผ้า เซรามิก เฟอร์นิเจอร์ พลอย เครื่องใช้ภายในบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแหล่งดึงดูดด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นเห็นว่าในส่วนของนักธุรกิจไทย ที่ต้องการไปลงทุน อุตสาหกรรมแรก ที่สามารถดำเนินการได้เลย คือ ท่องเที่ยว เพราะมีแหล่งวัตถุดิบ สินค้าท่องเที่ยวรองรับอยู่แล้ว ขณะที่ไทยก็มีความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านบุคลากรอยู่แล้ว
นายธนากร กล่าวว่า ในส่วนบทบาทของสมาคม นอกจากการสร้างสัมพันธ์กับซัวเถาแล้ว จะพยายามผลักดันนักธุรกิจไทยไปลงทุนมากขึ้น เพราะเห็นว่ายังมีกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพมาก แต่ไม่ค่อยออกไปต่อยอดต่างประเทศ เนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างมากในไทยอยู่แล้ว
ซัวเถาสร้างเศรษฐกิจพิเศษดึงนักลงทุน
ด้านนายเฉิน หม่า ฮุ่ย ผู้ว่าการเมืองซัวเถา กล่าวว่า ปัจจุบันซัวเถาถือเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของจีน โดยมีตัวเลขจีดีพี 1.56 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 7.8 แสนล้านบาท อัตราการเติบโตประมาณ 10% ต่อปี และปัจจุบันมีนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในซัวเถากว่า 6,000 ราย มูลค่ารวมประมาณ 8,700 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนั้นช่วงนี้ซัวเถาพยายามที่จะขยายเศรษฐกิจของตนเอง โดยได้เปิดโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางเรียบร้อยแล้ว โครงการดังกล่าว จะมีการถมทะเลคิดเป็นพื้นที่ 24 ตารางกิโลเมตร และยังจะมีการสร้างท่าเรือน้ำลึก สร้างเส้นทางรถไฟ เชื่อมต่อ กวางเจา เซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้สนามบินแห่งใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมก็สร้างเสร็จเรียบร้อย และเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจซัวเถาให้ขยายตัวมากขึ้น และยังเป็นการดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้นอีกด้วย
ขณะนี้ พบว่า มีกลุ่มทุนจากออสเตรเลีย สนใจเข้ามาลงทุนในเศรษฐกิจพิเศษ โดยระดมทุนได้ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยมีเป้าหมายระดมให้ได้ 20,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท
ส่วนในไทย มองว่ามีความน่าสนใจโดยจีนเห็นไทยมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดี และปัจจุบันมีการทำการค้าระหว่างกันจำนวนมาก รวมไปถึงการลงทุนสร้างโรงงาน ซึ่งขณะนี้มีแล้ว 3 ราย เป็นโรงงานผลิตสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน แต่เชื่อว่าในอนาคต จะมีการเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอีกมาก
คาดมีสนามบินหนุนลงทุนเพิ่ม
นายธนากร กล่าวว่า ที่ผ่านมา นักธุรกิจอาจจะไปลงทุนที่ซัวเถาไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่สะดวกหลายๆ ด้าน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไป เมื่อมีการสร้างระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น มีสนามบินใหม่ มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ เชื่อว่าจะทำให้มีความสนใจลงทุนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำหรับ ซัวเถา ถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในยุคเริ่มแรกของจีนช่วงปี 2522 ควบคู่ไปกับอีก 3 เมือง คือ เซินเจิ้น ซูไห่ และเซี่ยเหมิน โดยรัฐบาลจีน กำหนดบทบาทให้แต่ละเมืองทำการค้าที่แตกต่างกันไป ซูไห่ รับบทบาททำการค้ากับ มาเก๊า เซินเจิ้น เจาะตลาดฮ่องกง เซี่ยเหมิน กับไต้หวัน และซัวเถา มีบทบาทการค้ากับคนจีนที่อยู่ต่างประเทศ
โดยปัจจุบันซัวเถาเป็นแหล่งอาศัยของชาวแต้จิ๋ว มีประชากร 5.5 ล้านคน และที่เมืองรอบข้างซัวเถามีอีก 10 ล้านคน
ที่มา : Bangkokbiznews / 5 สิงหาคม 2557
|