- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published: Wednesday, 13 August 2014 23:32
- Hits: 3370
บทความพิเศษ : สัมปทานดิวตี้ฟรี… อีกหนึ่ง...ขุมทรัพย์...ที่ต้องปฏิรูป
แนวหน้า : เห็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตีฆ้องโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ทั้งรถไฟทางคู่ 6 สายทาง และรถไฟฟ้ากึ่งความเร็วสูง 2 สายทาง ที่จะนำมาทดแทนรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลชุดก่อนเคยผลักดัน แต่เกิดติดหล่มถนนลูกรังที่ศาลรัฐธรรมนูญสร้างเอาไว้เสียก่อน....
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ก็ออกมาขานรับด้วยการเร่งยกเครื่องรัฐวิสาหกิจ ตัดวงจรอุบาทว์ทางการเมืองทั้งหลายออกไป พร้อมเตรียมโม่แป้งกฎหมายลูก 8 ฉบับ ที่จะมารองรับการขับเคลื่อนโครงการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556 รองรับการดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตามรูปแบบ PPP ที่คาดว่า จะมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของมูลค่าโครงการ หรือกว่า 500,000 ล้านบาท
เรื่องของแผนยุทธศาสตร์ แผนดำเนินงาน แผนลงทุนอะไรนั้น ประชาชนคนไทยคงไม่อินังขังขอบอะไรด้วยหรอก ทุกคนต่างหาวเรอโครงการลงทุนเหล่านี้ กันมานานนับทศวรรษแล้วขอให้ทำกันจริงๆ จังๆ เสียทีเถอะ เป็นห่วงก็แต่จะหาเงินจากไหนมาลงทุน? และประสิทธิภาพของหน่วยงานที่จะลงทุนมีมากน้อยแค่ไหน?
อย่าง รถไฟทางคู่ หรือรถไฟกึ่งไฮสปีดเทรนที่จะให้การรถไฟฯ ไปโม่งแป้งนั่น ลำพังแค่จัดซื้อหัวรถจักร 15-20 หัว หรือจัดซื้อโบกี้รถไฟธรรมดาๆ ก็ลากกันเป็น 3 -5 ปีแล้ว เพราะระเบียบจัดซื้อ จัดจ้างหน่วยงานนี้ เป็นอย่างไรใช่ทุกฝ่ายจะไม่รู้นี่ยังจะต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่ยกกระบิเสียอีก...
เอาแค่โครงการที่อยู่ในแผนแม่บทเมกะโปรเจกท์เดิม อย่างโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงิน 62,000 ล้านที่มีการศึกษาจัดทำแผนลงทุน ศึกษารูปแบบลงทุน ความจำเป็นที่ต้องเร่งลงทุน มีแผนงานประมูลอะไรต่อมิอะไรมาตั้งแต่ปีมะโว้ รอแค่ คตร.และคสช. ไฟเขียวให้เท่านั้น
แต่...โครงการลงทุนที่เป็น'ของตาย'ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ ก็กลับไม่มีทีท่าว่า คสช.จะกล้าตัดสินใจอะไรลงไป แม้จะเห็นอยู่โทนโท่ว่า สนามบินสุวรรณภูมินั้น แทบจะปริแตกจากการขยายตัวของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่เกินขีดความสามารถของสนามบิน คือ 45 ล้านคนมาหลายปีแล้วเวลานี้ล้นทะลักเกิน 52-53 ล้านคน ไปแล้ว
นัยว่า เบื้องหลังที่ทำให้โครงการนี้ยักแย่ยักยันอยู่นั้น ไม่ได้มีแค่การตรวจสอบไล่เบี้ยฟื้นฝอยหาตะเข็บจาก คสช.เท่านั้น แต่ยังมี'มือที่มองไม่เห็น'Invisible Hand'ล้วงลูกเข้ามากระตุกเบรกโครงการนี้ ผ่านบอร์ดที่ได้ชื่อว่าเป็น'ร่างทรง'พ่อค้าวาณิช ที่ทำทุกอย่างเพื่อประวิงเวลาหรือถึงขั้นบอนไซไม่ให้ ทอท.เปิดสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี(ดิวตี้ฟรี) ใหม่ขึ้นมาได้
แม้แต่ข้อเรียกร้องของ กลุ่มผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ผู้ค้าย่านราชประสงค์ สยามพารากอนที่เพิ่งจะประสบผลสำเร็จในการจัดมหกรรม Thailand Shopping Street คืนความสุขแก่ประชาชนและดึงนักท่องเที่ยวขาช็อปกลับมาและได้เคลื่อนไหวให้รัฐบาล คสช.ลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยปลุก'กรุงเทพฯเมืองช็อปปิ้ง'ที่เคยกระทุ้งผ่านรัฐบาลมาชุดแล้ว ชุดเล่า
แต่เมืองไทยเหมือนต้องสาป เพื่อนบ้านเขาไปไหนต่อไหนแล้ว แต่เมืองไทยเรายังคงถูกกดถูกดมัดมือชกให้ต้องซื้อสินค้าจากร้านดิวตี้ฟรีที่ผูกขาดอยู่เจ้าเดียวนั่นแหละ และไม่รู้ว่าเจ้าพ่อพิวตี้ฟรีเส้นใหญ่ประเภท 'กวยจั๊บ'แค่ไหน เอาเป็นว่าได้สิทธิ์ผุดคอมเพล็กซ์ ดิวตี้ฟรีในเมืองหรือรอบสนามบินได้เพียงเจ้าเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าได้สัมปทานมาจากใคร
เพราะสอบถามคนทอท.ไปเป็นชาติก็ไม่มีคำตอบ สอบถามกรมศุลกากร หรือการท่องเที่ยว ททท.ไปก็ไม่มีใครตอบได้ว่าเขาได้สัมปทานผูกขาดกิจการดิวตี้ฟรีในเมืองหรือนอกมืองจากหน่วยงานไหน ขณะที่คนในทอท.เองก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สินค้าดิวตี้ฟรีที่ขายกันอยู่นอกสนามบินนั้น ใครเป็นผู้อนุมัติให้ดำเนินการและไม่สามารถจะตรวจสอบได้ว่าเขาซื้อขายกันอย่างไรด้วย
ส่วนแบ่งค่าสัมปทานที่ทอท.ได้จากกิจการดิวตี้ฟรีในสนามบินนั้น ก็ไม่ได้รวมไปถึงสินค้าที่มีการซื้อขายส่วนนี้ เพราะไม่ได้มีการออนไลน์ข้อมูลซื้อ-ขายใด ๆ กันให้เห็น?เป็นอีกสัมปทานผูกขาดที่รอวัดใจ คสช.ว่าจะกล้าลงไปล้วงลูกตรวจสอบให้ความกระจ่างประชาชนคนไทยหรือกล้าเข้าไปปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยได้หรือไม่?!!!
จะหวังพึ่งบอร์ดทอท.ชุดใหม่ ให้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้กัน เป็นอันลืมกันไปได้เลย เพราะนัยว่าแม้แต่ที่มาที่ไปของบอร์ด ทอท.ชุดปัจจุบัน ขนาดคนทอท.ด้วยกันเองยัง'อึ้งกิมกี่'ที่จู่ๆอดีตผู้บริหารสนามบินที่ถูก ป.ป.ช.ตั้งกรรมการสอบกราวรูดมาแล้วยังโผล่เข้ามานั่งในบอ(ร์)ดได้
จริงไม่จริงท่านประธานคสช.ก็ลองสอบถาม ป.ป.ช.ดูเอา!...
อนันตเดช พงษ์พันธุ์