WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ทดอารไอ

ทีดีอาร์ไอ นำเทรนด์เวที 'วิชาการ 3.0'เสนอปรับบทบาทรัฐไทย แก้วิกฤตประเทศ

    สัมมนาวิชาการประจำปี ทีดีอาร์ไอ พลิกโฉมเวทีสัมมนาด้วย วิชาการ 3.0ตรงประเด็น เข้าใจง่ายและสนุกเสนอแก้จุดอ่อนประเทศ โดยรัฐไทยต้องปรับบทบาท เปิดให้ ภาคธุรกิจ ท้องถิ่น และสังคมมีส่วนร่วม งดขยายอำนาจ หยุดผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อผลักดันประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ

     สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดงานสัมมนาประจำปี 2559ปรับบทบาทรัฐไทย...ให้ประชาชนได้บริการที่ดีวิเคราะห์ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจของรัฐราชการไทย และเสนอปรับบทบาทรัฐ 4 ทิศทางเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ด้วยการให้ท้องถิ่นตัดสินใจ ให้ธุรกิจมีส่วนร่วม ให้สังคมช่วยลงทุน และให้รัฐปรับทบาทตนเอง โดยได้ระดมนักวิชาการ นักวิจัยทีดีอาร์ไอ และแขกรับเชิญจากภาคสังคม ธุรกิจ วิชาการ ร่วมกันเปิดประเด็นและเดินเรื่อง บนเวทีวิชาการ 3.0ตรงประเด็น เข้าใจง่ายและสนุกณ โรงละครอักษรา คิงเพาวเวอร์ (รางน้ำ) เมื่อ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา

     ปัญหาสำคัญของรัฐไทยคือ การรวมศูนย์เข้าสู่ส่วนกลางสูงมาก  แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำงานแตกเป็นส่วนๆ ขาดการประสานงานกัน และไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมาก  ในขณะที่ระบบราชการก็ลดขีดความสามารถลงไปจากอดีต จากปัญหาการแทรกแซงทางการเมือง และความกลัวการทำผิดกฎระเบียบต่างๆ

    ทั้งหมดนี้ ทำให้รัฐราชการไทยแก้ปัญหายากๆ ของประเทศได้น้อยลงทุกที และไม่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผลอีกต่อไป ทั้งการจัดการศึกษา การฝึกทักษะแรงงาน การยกระดับเทคโนโลยี ตลอดจนการให้บริการสังคมต่างๆ  ซึ่งทำให้ภาครัฐไม่สามารถนำพาประเทศไทยให้พ้นกับดักรายได้ปานกลาง สร้างความเท่าเทียมทางสังคม และทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน  จึงไม่น่าแปลกใจที่หน่วยงานต่างๆ เช่น WEF ระบุว่า ภาครัฐเป็นจุดอ่อนของประเทศไทย

     การปฏิรูปภาครัฐในรูปแบบที่เคยทำกันมา เช่น การปรับโครงสร้างระหว่างหน่วยงาน การจัดตั้งองค์กรมหาชนอิสระ การจัดทำดัชนีชี้วัดหลัก (KPIs) แม้จะยังมีความจำเป็น แต่ก็น่าจะไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาได้ นักวิจัยและนักวิชาการทีดีอาร์ไอ จึงหยิบยกปัญหาของภาครัฐมาวิเคราะห์ในทางวิชาการ  ศึกษากรณีการปฏิรูปบริการสาธารณะที่ประสบผลสำเร็จทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนำมาสู่การเสนอ 4 ทิศทางหลักในการปฏิรูปบทบาทภาครัฐไทย   

      ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ เปิดเวทีสัมมนาและเดินเรื่องปฏิรูปบทบาทรัฐในทิศทางแรก คือ ให้ท้องถิ่นตัดสินใจ”  โดยชี้ว่า รัฐส่วนกลางที่รวมศูนย์อำนาจ ไม่สามารถให้บริการประชาชนตามความต้องการที่แตกต่างหลากหลายได้ จนกลายเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง จึงต้องอาศัยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้เกิดเจ้าภาพในการแก้ปัญหาแบบองค์รวม เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และทดลองแนวทางให้บริการใหม่ๆ แก่ประชาชน

    ทิศทางที่สอง คือ ให้ธุรกิจมีส่วนร่วมโดย ดร.กิริฎา เภาพิจิตร และ ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ภาครัฐต้องไม่ฉุดรั้งภาคธุรกิจไว้อย่างไม่เหมาะสม เพราะความคล่องตัวและความคิดสร้างสรรค์ของภาคธุรกิจจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รัฐควรเปิดบทบาทให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการแข่งขันให้บริการประชาชนอย่างเสมอภาค  และควรใช้ทรัพยากรของตนให้ตอบโจทย์ของประเทศเช่น เรื่องความสามารถในการแข่งขัน

     ทิศทางที่สาม คือให้สังคมช่วยลงทุนโดยศักยภาพในการลงทุนเพื่อสังคมของคนไทยมีสูงมาก จากการบริจาคเงินช่วยสังคมในแต่ละปีมากกว่า 7 หมื่นล้านบาท แต่ ดร.ณัฐนันท์ วิจิตรอักษร และ ดร.บุญวรา สุมะโน นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ ชี้ว่าการบริจาคมีผลในการเปลี่ยนแปลงสังคมไม่มาก ถ้าจะแก้ไขปัญหาสังคมให้ได้ผลต้องก้าวให้พ้นการบริจาคไปสู่ การลงทุนเพื่อสังคม

      ในทิศทางสุดท้าย ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอ เสนอ ‘ให้รัฐปรับบทบาทตนเองโดยถอยออกจากการเป็นทั้งผู้กำกับดูแลและผู้ให้บริการต่างๆ ในเวลาเดียวกัน เพราะบทบาทหน้าที่ซึ่งทับซ้อนกันทำให้บริการต่างๆ ไม่มีคุณภาพดีพอ รัฐควรเลิกขัดขวางการให้บริการของท้องถิ่น ธุรกิจและสังคม และเลิกขยายอำนาจของตนอย่างไม่สิ้นสุด จากการออกกฎระเบียบต่างๆ ออกมาอย่างที่ไม่รอบคอบ

    ทั้งนี้ การเดินเรื่องบนเวทีสัมมนาในปีนี้ดำเนินตามแนวคิด วิชาการ 3.0ตรงประเด็น เข้าใจง่ายและสนุกด้วยวิธีการนำเสนอที่แตกต่างจากงานวิชาการทั่วไป โดยเน้นสื่อสารด้วยอินโฟกราฟฟิกและมัลติมีเดีย พร้อมฉากประกอบที่สับเปลี่ยนตามประเด็นนำเสนอ เพื่อสร้างบรรยากาศความสนุกและความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ร่วมงาน

      วิชาการในยุค 1.0 คืองานวิชาการแบบดั้งเดิม ที่อาจตรงประเด็น แต่คนทั่วไปเข้าใจยาก ส่วนวิชาการในยุค 2.0 คือ สิ่งที่ทีดีอาร์ไอ ได้ทำมาในช่วงที่ผ่านมาคือ การเสนองานวิชาการที่เข้าใจง่าย แต่ในปีนี้ทีดีอาร์ไอก้าวไปอีกขั้นสู่ วิชาการ 3.0 ซึ่งนอกจากตรงประเด็น เข้าใจง่ายแล้วต้องสนุกด้วยดร.สมเกียรติ กล่าวอธิบาย

    การจัดสัมมนาทีดีอาร์ไอ ประจำปีนี้ ยังมีกิจกรรมที่ผู้ร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งของการเดินเรื่อง ทั้งการแสดงความเห็นต่อรัฐและธุรกิจ ตลอดจนการสำรวจกลุ่มคนที่ผู้ร่วมงานต้องการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งพบว่า เด็กคือกลุ่มที่ได้รับเงินบริจาคมากที่สุด

    การสัมมนานี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั้งจากผู้เข้าร่วมงาน และผู้ติดตามถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งร่วมให้ข้อเสนอมากมายต่อการปรับบทบาทและทิศทางของภาครัฐ

   เผยแพร่โดย ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ  083-0648163 (ศศิธร)

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!