- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published: Tuesday, 26 January 2016 11:57
- Hits: 3394
เก็บเล็กผสมน้อย สู้วิกฤติราคายาง
'ราคายาง'...ตกต่ำสุดขีด ว่ากันว่าน่าจะต่ำที่สุดในรอบ 100 ปี แม้ว่ารัฐบาลออกมาตรการเร่งด่วนเยียวยาในระยะยาวอาจไม่ใช่คำตอบ
สถานการณ์ตลาดยางที่ผันผวน 'ราคายางตามกลไกตลาดโลก'ประเทศไทย...เกษตรกรชาวสวนยางไทยอาจจะต้องรับความจริง หันมาพึ่งตนเอง สร้างภูมิคุ้มกัน...เพื่อคลี่คลายปัญหาด้วยมือของตัวเอง
“ทางเลือกการปลูกพืชแซมยาง พืชร่วมยาง และกิจกรรมเสริมรายได้ของชาวสวนยาง” ข้อมูลสำคัญจากสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 8 จังหวัดสงขลา กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหลายทางออกน่าสนใจ
โดยเฉพาะ...'เกษตรกรชาวสวนยางขนาดเล็ก'
“ชาวสวนยางต้องมองหาพืชร่วม หรือ...กิจกรรมเสริมรายได้ เพื่อสร้างรายได้เสริมทั้งในระยะสั้น...ระยะยาว ถ้าทำยางอย่างเดียวไม่สามารถอยู่ได้แน่ในสถานการณ์ราคายางตกต่ำในขณะนี้”
สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่า กรมวิชาการเกษตรมีข้อมูลให้เกษตรกรใช้เป็นทางเลือก...ช่วงยางอายุ 3 ปีแรก ไม่เกิน 10 ปี...15 ปี มีคำแนะนำให้ชัดเจน นำไปใช้
ยกตัวอย่างเช่น...ยางอายุไม่เกิน 3 ปีแรก จะปลูกพืชอายุสั้นๆ แซมระหว่างแถวยางก่อนให้ผลผลิตได้ เรียกว่า...“การปลูกพืชแซมยาง” พืชล้มลุก...อายุสั้น เช่น สับปะรด ข้าวโพด ข้าวไร่ ถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วหรั่ง ถั่วเหลือง แตงโม ปลูกได้หมด หรืออาจเป็นพืชผักต่างๆก็ได้ถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ
ไม่อย่างนั้นอาจเป็นพืชอายุยาวขึ้นมาหน่อย เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอมทอง กล้วยเล็บมือนาง มะละกอก็สามารถทำรายได้ได้ดี ตลาดก็ดีด้วย หรืออาจจะเป็นหญ้าอาหารสัตว์ก็ดี เช่น หญ้ารูซี่ หญ้ากินนีสีม่วง หญ้าขน ถ้ามีการเลี้ยงแพะ โคนม ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด
สำหรับ หญ้าอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่แนะนำ...เพราะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง
หรือแม้แต่ 'มันสำปะหลัง'...แนะนำให้ปลูกในช่วงที่ต้นยางมีอายุปีที่ 2 หรือ 3 ปลูกห่างแถวยางด้านละ 2 เมตร...ไถตัดรากมันสำปะหลังปีละครั้ง...ห่างจากแถว 50 เซนติเมตร ป้องกันระบบรากมันสำปะหลังเข้ามาอยู่ในแถวต้นยาง หรือจะเลือกปลูก...“อ้อยคั้นน้ำ” ตลาดก็ยังไปได้สวย
'มันขี้หนู' อีกหนึ่งพืชยอดนิยมในพื้นที่ภาคใต้ กิโลกรัมละ 80 บาท ปลูกง่าย...รายได้ก็ดี ให้ผลผลิต 800-1,300 กิโลกรัมต่อไร่...
ต้นทุนประมาณ 15,000 บาทต่อไร่ สร้างรายได้ 24,000-39,000 บาทต่อไร่
แนวทางเลือกถัดมา 'การปลูกพืชร่วมยาง'... หมายถึงพืชที่ปลูกเพื่อให้ผลผลิตพร้อมๆกับยางเป็นพืชที่สามารถขึ้นได้ดีในสภาพร่มเงา
หนึ่ง...พืชร่วมยางที่สามารถเจริญเติบโตได้ภายใต้ร่มเงาของยาง เมื่อต้นยางมีอายุ 3 ปีขึ้นไป เช่น ขิง ข่า ขมิ้น ผักพื้นบ้าน พืชสมุนไพรบางชนิด โดยปลูกระหว่างแถว ห่างแถวยาง 1.5 เมตร
สอง...พืชร่วมยางที่ทนต่อสภาพร่มเงาของต้นยาง เมื่อต้นยางมีอายุประมาณ 10 ปี ซึ่งมีแสงรำไรเพียงพอและมีฝนตกชุก จะเหมาะสมต่อการปลูกไม้ดอกสกุลหน้าวัว ไม้ดอกวงศ์ขิง เช่น ขิงแดง ดาหลา หงส์เหิน กระเจียวพังงา กระเจียวส้ม บัว ไม้ดอกสกุลเฮลิโกเนีย...ไม้ประดับบางชนิด
ข้อมูลทางเทคนิค จะปลูกระหว่างแถวยาง ห่างแถวยาง 1.5-1.7 เมตร
สาม...พืชร่วมยางที่ทนต่อสภาพร่มเงาของต้นยางที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ได้แก่ พืชสกุลระกำ เช่น ระกำหวาน สละเนินวง สละหม้อ หวายตะค้าทอง กระวาน โดยปลูกกึ่งกลางแถวยาง สำหรับหวายตะค้าทองอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในสวนยาง แนะนำให้ปลูกเป็นพืชเสริมรายได้ก่อนการโค่นยาง
สี่...การปลูกไม้ป่าในสวนยาง มีไม้ป่าบางชนิดที่ทนต่อสภาพร่มเงาของต้นยางขนาดใหญ่ โดยปลูกผสมผสานกึ่งกลางระหว่างแถวยางและทดแทนการปลูกซ่อมต้นยาง...สร้างรายได้ในอนาคตได้มากทีเดียว
ในสวนยางทางภาคใต้ ได้แก่ กระถินเทพา กระถินณรงค์ สะเดาเทียม ทัง พะยอม มะฮอกกานี เคี่ยม ตะเคียนทอง ยางนา ยมหิน และตำเสา...ในสวนยางทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ กระถินเทพา กระถินณรงค์ สะเดาไทย ตะเคียนทอง ยมหิน ประดู่ป่า
“หลักการสำคัญก็คือจะต้องปลูกห่างจากแถวยางเว้นระยะสัก 1 เมตรกว่าๆ...ขึ้นอยู่กับชนิดพืชที่จะปลูก หรือถ้าปลูกใกล้ๆอาจจะเป็นพืชที่ทนร่มเงาขึ้นมาหน่อย เช่น ดอกหน้าวัว ดาหลา ขิงแดง กระเจียว”
แนวทางเลือกสุดท้าย...การประกอบอาชีพเสริมรายได้อื่นๆ
อาชีพเสริมอื่นๆที่เหมาะกับชาวสวนยาง เช่น การเพาะเห็ดฟางทะลายปาล์มในสวนยาง การเลี้ยงผึ้ง ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพื้นที่ยางบางส่วนเพื่อปลูกพืชอื่นๆ เช่น ปาล์มน้ำมัน กล้วย กาแฟ
สิ่งสำคัญ...การเลือกปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งจะต้องคำนึงถึง การตลาดในพื้นที่ สภาพพื้นที่ รอบระยะเวลาการให้ผลตอบแทนให้มีรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี
“เรื่องนี้อยากฝากเกษตรกรชาวสวนยาง เดินตามทางเลือกเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดได้ประจำวัน...ทุกวัน จากการกรีดยางได้วันละเท่าไหร่ไม่เป็นไร...ขายได้กิโลกรัมละ 30 บาท พื้นที่ 1 ไร่ได้ 2 กิโลกรัม ก็สามารถทำได้...15 ไร่ กรีดได้วันละ 30 กิโลกรัม มีรายได้ 900 บาท แต่การปลูกพืชร่วมจะสร้างรายได้เสริมเข้ามาทุกวัน”
ถ้าเราวางแผนรายสัปดาห์ สมมติปลูกกล้วยเอาไว้เพื่อให้มีผลผลิตออกมาขายทุกสัปดาห์ หรือเดือนละสองครั้ง เช่น ปาล์มน้ำมัน ในเกษตรกรที่มีพื้นที่มากเป็น 50 ไร่...100 ไร่ ก็แบ่งสัดส่วน ปลูกปาล์ม 20 ไร่ ปลูกยาง 20 ไร่ ระหว่างต้นยางก็ปลูกกล้วย พืชทดแทนเข้ามาเสริม
“ถ้าวางแผนชัดเจนก็จะมีรายได้เข้ามาทั้งรายวัน...รายสัปดาห์...รายสองสัปดาห์ ในหนึ่งเดือนจะมีรายได้ต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนไม่ติดขัด”
อธิบดีสมชาย ฝากเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรที่สนใจ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรใกล้บ้านท่านจะมีแปลงตัวอย่างเข้ามาดูได้ มอบหมายให้ทุกศูนย์ฯจัดอบรมคอร์สพิเศษให้กับเกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงาน พร้อมให้บริการ มาเรียนรู้ก่อนในพืชหลายชนิด มีข้อมูลให้พร้อมคำแนะนำ ก่อนตัดสินใจไปปลูกจริง
ต้องย้ำเสียงดังๆ...เกษตรกรหลายคนที่หวังพึ่งรายได้จากยางอย่างเดียว ไม่คิดจะหารายได้จากแหล่งอื่น ยุคที่ยางราคากิโลกรัมละ 100 บาท 120 บาท วันหนึ่งมีรายได้ 3,000 กว่าบาท...ก็ไม่มีปัญหา แต่วันนี้ราคายางลดลงไปขนาดนี้ คงต้องหันหน้ามองหาแหล่งรายได้อื่นเข้ามาเสริม
“กล้วยหอมทองอาจทำได้ถึงเดือนละ 6-7 หมื่นบาท ถ้าส่งออกได้ก็เป็นแสนบาท อ้อย สับปะรด วันนี้ก็ขายกันกิโลกรัมละ 10 บาท ลูกละ 30-40 บาท ปลูกไร่หนึ่งก็มีรายได้เป็นแสน เกษตรกรต้องขยับขยาย”
ชาวสวนยางปลูกพืชร่วม วางแผนสร้างรายได้เสริมในระยะสั้น... ระยะยาว มีรายได้ประจำวัน รายสัปดาห์ ทั้งเดือน เป็นการเฉลี่ยความเสี่ยง...ไม่ต้องล้มทั้งยืนยามราคายางตกต่ำสุดขีด
ประเด็นสำคัญการทำอย่างนี้เป็นการ 'ลดต้นทุนการผลิต'..ไปในตัว ปลูกถั่ว พืชต่างๆในสวนยางก็นำมาเป็นปุ๋ยในสวนยางได้อีก หรือว่าปลูกข้าวโพด สับปะรด ใส่ปุ๋ยกับพืชนั้นๆ “ต้นยาง”...ก็ได้ประโยชน์ไปด้วย สิ่งที่ทำลงไปกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มมูลค่าขึ้นทุกวัน ลงแรงแล้ว...ไม่หนีหายไปไหน.
ที่มา : www.thairath.co.th