เป้าหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ที่เราคุ้นเคยกันในชื่อซีพี คือ ก้าวไปสู่การเป็น Global company แน่นอนว่าจะก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นต้องอาศัยการวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบ Greenization เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้ชื่อของซีพี ผงาดขึ้นไปอยู่ในเวทีโลกแต่บริบทของคำว่า Green ของซีพีนั้นเป็นพาร์ทหนึ่งจากภาพกว้างในเรื่องของ Sustainable ซึ่งคุณณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุธโสประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ อธิบายเพิ่มเติมให้เราฟังว่าเป็นเรื่องที่ซีพี ทำต่อเนื่องมานานแล้ว

     “จริงๆแล้วซีพีทำเรื่องของ Green และ Sustainable มานานแล้วเพียงแต่เราอาจจะไม่ได้ Globalize ในเชิงของการแบรนดิ้งให้ผู้บริโภครับรู้  เมื่อมีจังหวะเวาลาที่เหมาะสมเราจึงนำนวัตกรรมและกระบวนการในการทำเรื่อง Product Sustainabilityซึ่งได้รับการ Certify จากสถาบันระดับโลกสื่อสารออกมาเพื่อให้ผู้บริโถคทราบว่าเรา กำลัง Roll Out เรื่องนี้อย่างจริงจัง” 

    เนื่องจากธุรกิจซีพี เน้นหนักไปเรื่องของอาหาร Product Sustainability ที่คุณณรงค์กล่างถึงจึงเป็นเรื่องของกระบวนการในการผลิตเนื้อไก่ จนได้รับใบรับรอง Pro Sustain Standard จาก Det Norske Veritas หรือ DNV ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนในระดับโลก ในฐานะที่บริษัทเป็นองค์กรผู้นำจัดทำ 'โครงการผลิตภัณฑ์ซีพีเอฟที่ยั่งยืน'(CPF’s Product Sustainability) ให้กับผลิตภัณฑ์ไก่ ซึ่งนับเป็นรายแรกของโลกและยังเป็นรายแรกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

      การให้การรับรองของ DNV สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการออกแบบ พัฒนา และการควบคุมการผลิตอย่างยั่งยืน ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้วยระบบมาตรฐานสากลตลอดห่วงโซ่แห่งคุณค่าอาหาร (CPF Value Chain) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายผู้นำการผลิตแบบ Green Economic ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดโลกปัจจุบัน ถือเป็นก้าวสำคัญของการขยายโอกาสทางการค้า ภายใต้วิสัยทัศน์ Kitchen of the World เพื่อสร้างตวามมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งผลจากการทำเรื่องของ Product Sustainability ทำให้ซีพีสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 260,000 ตันต่อปี  ถือเป็นการลดภาวะโลกร้อน

       คุณณรงค์  ย้ำว่า ซีพี มีการวางแผนแนวทางการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อเนื่องและครบวงจร “เราพยายามอย่างมากที่จะเข้าสู่การทำ Product Sustainability ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่อง Corporate Product หรือแค่เรื่องอิมเมจแต่เราลงรายละเอียดลึกถึงกระบวนการของ Supply Chain ทั้งกระบวนการจนถึงลูกค้าเพื่อให้คนนอกมั่นใจว่าเรื่องที่เราทำจริงจังเพราะยุคนี้เป็นยุคเปลี่ยนแปลงของ Globalization ลูกค้าสามารถหาข้อมูล ตัดสินใจเลือกใช้แบรนด์แต่ละแบรนด์ได้มากกว่าเดิม เรียกได้ว่า The Power is in the consumer hand ลูกค้าต้องการรู้ทุกกระบวนการผลิตของเรา  การทำแบรนดิ้งในปัจจุบัน  ต้องแบรนดิ้งในสิ่งที่ผู้บริโภคและสังคมต้องการ  เรามองว่าเรื่องของ Green เป็นส่วนหนึ่งของ Sustainability เราเองเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอาหารด้วย  เป้าหมายเราคือเราต้องการเป็น Kitchen of the World เพราะฉะนั้นเราต้องชัดเจนกับเรื่องนี้ ”

      สำหรับ Green to Product Sustainability Road Map ของซีพี วางกรอบการทำงานไว้ชัดเจน 3 ปี 2555 เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) ปี 2556 – 2557 ดำเนินการในส่วนระบบการกระจายสินค้าและขนส่งสีเขียว (Green Logistics) และล่าสุดกับการก้าวเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตสีเขียว (Green Value Chain) ในปี 2557 นี้เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ยั่นยืนอย่างแท้จริง 

     “การทำงานเกี่ยวกับ Green Value Chain ถือเป็นความท้าทายของซีพีที่กำหนดให้ความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ หลักในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้าและผู้บริโภค คู่ค้าธุรกิจ ชุมชนและสังคมรอบด้าน ตลอดจนการดูแลรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีและการใข้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพทั้งของบริษัทเอง และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน

      เพราะการทำเรื่องของ Sustainability สร้างโอกาสให้ธุรกิจของซีพีประสบความสำเร็จในแง่ของ หนึ่งเปิดตลาดใหม่ที่ต้องการเรื่องของความยั่งยืน และสองการทำแบรนดิ้งให้ชัดเจนในเรื่องที่เรากำลังทำเกี่ยวกับ Sustainability จะสร้างDifferentiate ให้แบรนด์ซีพี แตกต่างจากคู่แข่งทั้งในระดับ Local และ Global เราเชื่อว่าถ้าเราทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องวันหนึ่งเมื่อคนมองเข้ามาที่แบรนด์ซีพี  เขาจะคิดถึงเราในแง่ของความยั่งยืน”

     นั่นถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่จะดึงซีพี กลายเป็นแบรนด์ในระดับโลกอย่างแท้จริง

โดย นายณรงค์  เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุธโสประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์

ที่มา : BrandAge ฉบับที่ 15/5 June 2014