แรกที่กระทรวงต่างประเทศจะพิจารณาในเรื่อง Tier และมีรองปลัดกระทรวงแรงงานเป็นกำลังหลักในการชี้แจง

เราคิดว่าเสมอเป็นเพียงเรื่อง"แรงงาน"

เพราะรายงานอันเป็นพื้นฐานในการพิจารณาก็คือ รายงานของสำนักงานเฝ้าระวังและต่อต้านภัยของการค้ามนุษย์

แต่พลันที่มีการลดระดับจาก Tier 2 เป็น Tier 3

อันเป็นระดับต่ำสุด เลวร้ายสุด วางเรียงอยู่เคียงข้างกับประเทศซิมบับเว เกาหลีเหนือ ซีเรีย และคิวบา

ก็ต้อง "เหงื่อตก"

ยิ่งได้รับทราบ "มติ" และ "แถลงการณ์" อันมาจากคณะรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรป

ยิ่งเริ่มเห็น "ความแจ่มชัด"

ที่มองว่าเป็นปัญหา "แรงงาน" ที่ประเมินว่าเป็นเรื่องอันเกี่ยวกับการคว่ำบาตร ขึ้นบัญชีดำในทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องของ GSP ดูเหมือนจะไม่ใช่

หากแต่เป็นเรื่อง "การเมือง" เน็ต-เน็ต

ถามว่าเป็นเรื่องการเมืองได้อย่างไร หากมองแต่ข้อ 3 ของแถลงการณ์อาจไม่ประจักษ์ เพราะเน้นเรื่องการไม่ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ

เป็นเรื่องของการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่าง 2 ฝ่าย

กระนั้น เมื่อพินิจลงไปในข้อ 3 ของแถลงการณ์ก็โป๊ะเชะ เพราะ "ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยความกังวลเป็นอย่างยิ่ง"

"คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป ได้เรียกร้องให้ผู้นำทหารดำเนินการเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในการคืนสู่กระบวนการทางด้านประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรม และคืนการปกครองตามหลักรัฐธรรมนูญผ่านทางการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม"

"ขอให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุด โดยจะต้องให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและยึดมั่นต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ขอเรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวทางการเมืองทั้งหมดรวมทั้งหลีกเลี่ยงการจับกุมที่มีเหตุผลทางการเมือง"

"และยกเลิกการควบคุมสื่อ"

จึงไม่แปลกที่ในท่อนท้ายของแถลงการณ์คือ ข้อ 5 จึงเป็น "การมีแผนดำเนินการที่น่าเชื่อถือในการกลับคืนสู่การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว การมีการเลือกตั้งอันน่าเชื่อถือและทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างจริงจังเท่านั้นที่จะสามารถทำให้สหภาพยุโรปให้การสนับสนุนต่อไป"

นี่เป็น "การเมือง" ล้วน-ล้วน

จากนี้จึงเห็นได้ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอาจเริ่มด้วยเรื่อง "การค้ามนุษย์"กระทรวงกลาโหมสหรัฐอาจเริ่มด้วย "คอบร้าโกลด์"

สหภาพยุโรปอาจเริ่มด้วย "ความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ"

คล้ายกับเป็นการยกเอาเรื่องในทาง "เศรษฐกิจ" เรื่องในทาง "การค้า" มาชี้นำ แต่ในที่สุดก็เผยแสดงออกมาอย่างไม่อำพราง

ทั้งหมดเป็นเรื่องในทาง "การเมือง"

ความหมายก็คือ เอาผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจมาเป็นจุดเริ่มต้น เป็นรากฐาน และนำไปสู่การดำเนินข้อเรียกร้องในทางการเมือง

ที่สุดแล้ว แรงจูงใจจริงๆ ก็คือเรื่องในทางการเมือง

เพราะความไม่พอใจในเรื่องทางการเมือง โดยเน้นจุดหนักไปยังกระบวนการรัฐประหาร การแสดงบทบาทของกองทัพ อาศัยเสื้อคลุมแห่งความเป็น "นักประชาธิปไตย"แสดงบทบาทของนักปกป้อง "ประชาธิปไตย"

อาศัยบทบาททาง "การเมือง" ไปส่งผลสะเทือนทาง "เศรษฐกิจ"

เท่ากับว่า สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ประสานอาวุธในทาง "เศรษฐกิจ" และอาวุธในทาง "การเมือง" เข้าด้วยกัน

พุ่งปลายหอกเข้าใส่ "รัฐไทย"

จากนี้จึงเห็นได้ว่า ทุกส่วนอันเป็น "องคาพยพ" ระหว่างเศรษฐกิจและการเมืองมีความสัมพันธ์กัน

การแก้ปัญหานี้จะเริ่มจากจุดในทาง "เศรษฐกิจ" อย่างด้านเดียวย่อมขาดความสมบูรณ์จำเป็นต้องประสานทั้งกระบวนการทาง "การเมือง" และ "เศรษฐกิจ" เข้าด้วยกัน

จึงจะสามารถตีฝ่า "อันตราย" ที่รุมล้อมเข้ามาได้

...........