- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published: Monday, 03 August 2015 14:41
- Hits: 4221
ระวัง! แชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย 'พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์'ใหม่คุมเข้ม
มติชนออนไลน์ :
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 สิงหาคม มีสาระสำคัญที่เป็นการกำหนดบทความผิดในการละเมิดลิขสิทธิ์ในการแชร์หรือนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อในโลกออนไลน์ที่ควรระมัดระวัง ดังนี้
1.การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์ และคุ้มครองสิทธิในข้อมูลที่เจ้าของลิขสิทธิ์ใช้บริหารจัดการสิทธิของตน ไม่ให้คนอื่นมาลบหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ชอบ เช่น การลบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ชื่อผู้สร้างสรรค์ ชื่อนักแสดง เป็นต้น โดยหากบุคคลใด ลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าว ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
มาตรา 53/1 บัญญัติว่า "การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิ โดยรู้อยู่แล้วว่าการกระทำนั้นอาจจูงใจให้เกิด ก่อให้เกิด ให้ความสะดวก หรือปกปิดการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง ให้ถือว่าเป็นการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ"
มาตรา 53/2 บัญญัติว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่างานหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์นั้นได้มีการลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิด้วย ถ้าได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้น" ดังต่อไปนี้
(1) นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม มาตรา 53/3 กำหนดข้อยกเว้นไว้ คือ "การกระทำใดๆ ดังต่อไปนี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
(1) การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิโดยเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย การอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือวัตถุประสงค์อื่นในทำนองเดียวกัน
(2) การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิโดยสถาบันการศึกษา หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด หรือองค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพสาธารณะ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร
(3) การเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ที่มีการลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิ โดยสถาบันการศึกษา หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด หรือองค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพสาธารณะ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร"
2.คุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยีที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ปกป้องงานอันมีลิขสิทธิ์ของตน เพื่อป้องกันการทำซ้ำหรือการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ เช่น พาสเวิร์ด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ในการควบคุมการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต เป็นต้น โดยหากบุคคลใดทำลายมาตรการทางเทคโนโลยีดังกล่าว โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยินยอม ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยี
3.กำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์การทำซ้ำชั่วคราว เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่าการทำซ้ำชั่วคราว โดยความจำเป็นของเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียกดูงานอันมีลิขสิทธิ์ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากการดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการทำซ้ำงานเพลงหรือภาพยนตร์ดังกล่าวไว้ในหน่วยความจำ (RAM) ทุกครั้ง
4.กำหนดข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) เพื่อให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต เช่น เจ้าของเว็บไซต์ยูทูบ (Youtube) ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ โดยหากเจ้าของลิขสิทธิ์ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเอาไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์และแสดงหลักฐานต่างๆ ต่อศาลอย่างเพียงพอ เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้เอาไฟล์ละเมิดออกจากเว็บไซต์แล้ว และเจ้าของเว็บไซต์ดำเนินการตามคำสั่งศาล เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับการกระทำที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว
5.เพิ่มข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์กรณีการจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ โดยกำหนดให้การขายงานอันมีลิขสิทธิ์มือสองสามารถทำได้ โดยไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การขายภาพเขียน หนังสือ ซีดีเพลง ซีดีภาพยนตร์ เป็นต้น แต่ต้องไม่ขัดกับกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์
ตามมาตรา 32/1 ที่ระบุว่า "การจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ โดยผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์"
6.เพิ่มเติมเรื่องสิทธิทางศีลธรรมของนักแสดง (Moral Right) เพื่อเพิ่มสิทธิให้นักแสดงมีสิทธิทางศีลธรรมเท่าเทียมกับผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ โดยนักแสดงมีสิทธิระบุชื่อตนในการแสดงที่ตนได้แสดง และห้ามไม่ให้บุคคลใดกระทำต่อการแสดงของตนจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ
7.เพิ่มบทบัญญัติเรื่องค่าเสียหายในเชิงลงโทษ โดยกำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงจ่ายค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหาย ในกรณีปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการกระทำโดยจงใจหรือมีเจตนาให้งานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงสามารถเข้าถึง โดยสาธารณชนได้อย่างแพร่หลาย
8.กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบหรือทำลายสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำละเมิด และสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง
สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์
รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
ขอเรียนตามตรงว่า พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่ที่ออกมานั้น ในแนวทางปฏิบัติด้านการทำงานของกระทรวงไอซีทีนั้นแทบไม่แตกต่างต่างเดิมคือ การสอดส่องค้นหา หรือมอนิเตอร์ เว็บไซต์เข้าข่ายกระทำความผิด ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานราชการในส่วนอื่นที่ดูแลด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่จะเพิ่มเข้ามาคือ การต้องเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนว่า พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ มีเหตุและผลอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ เบื้องต้นมีแผนจะทำการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ผ่านสื่อทุกช่องทาง แต่จะเน้นหนักในสื่อออนไลน์ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายอมรับว่าในแต่ละเดือนมีการแจ้งมายังกระทรวงไอซีทีให้ดำเนินการกับเว็บไซต์ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยการร้องเรียนเข้ามาค่อนข้างมีหลากหลายช่องทาง ทั้งเป็นการร้องเรียนโดยตรง ผ่านการแจ้งมาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงยังไม่ได้มีการเก็บตัวเลขสถิติที่แน่นอนไว้ในขณะนี้ แต่เบื้องต้นทุกหน่วยงานราชการที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์ อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกัน เพื่อจัดทำศูนย์รับแจ้งปัญหาด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ให้เป็นจุดเดียว
สำหรับ การปฏิบัติตัวของประชาชนหลัง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่ออกมา ขออย่าหวาดระแวงว่าจะเป็นการปิดกั้น ในทางกลับกันขอเรียนตามตรงว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนด้วยซ้ำ ในการเข้ามาคุ้มครองสิทธิต่างๆ ไม่ให้โดนละเมิดลิขสิทธิ์ ในทางปฏิบัติ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่ขอให้ใช้ความระมัดระวังก่อนจะทำการแบ่งปัน หรือแชร์ข้อมูลข่าวสารไปยังบุคคลที่ 3 ต่อ อาทิ การแชร์เนื้อข่าวควรระบุที่มาของต้นตอข่าวสารนั้น เพราะหากเป็นข่าวเท็จ ผู้ที่เผยแพร่ก็อาจมีความผิดได้ หรือ ในกรณีที่เอาภาพของบุคคลอื่นไปแชร์ต่อก็ขอให้ระวัง หากภาพนั้นๆ เจ้าของภาพมีการติดโลโก้หรือลายน้ำไว้ การไปตัดต่อสิ่งเหล่านั้นออก ก็อาจโดนเจ้าของภาพฟ้องมีความผิดได้