ในโลกนี้ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เทคโนโลยีมีความสำคัญยิ่ง ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี เกษตรกำลังเข้าสู่ยุค'ไบโอเทคโนโลยี'
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ 'ดูปองท์(DuPont)'บริษัท ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่วันนี้เขาก้าวเข้าสู่ 100 ปีที่ 3 คือ ผ่านมา 200 ปีแล้ว
ในช่วง 100 ปีแรก ดูปองท์ร่ำรวยมหาศาลจากการผลิตดินปืนสำหรับใช้ยิงเป็นอาวุธในการสู้รบกัน ต่อมา 100 ปีที่สอง รุกเรื่องการผลิตเคมีภัณฑ์ มาวันนี้ดูปองท์ก้าวสู่ 100 ปี ที่ 3 เน้นลงทุนด้านการเกษตรไปจนถึงอาหาร เพราะเขามองว่านับวันประชากรของโลกจะเพิ่มขึ้น
ทุกประเทศในโลกนี้ที่ร่ำรวยและเข้มแข็งล้วนพัฒนาจากเกษตรแล้วต่อด้วยอาหาร เนื่องจากเกษตรเป็นฐานของประเทศ ที่ต้องพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมก่อให้เกิดการค้าขาย จึงสร้างความร่ำรวย มั่นคงให้กับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ฯล
ผมจึงย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า 'สินค้าเกษตร'หรือ 'น้ำมันบนดิน' เป็นทรัพย์สมบัติของชาติ เพราะเลี้ยงชีวิตมนุษย์ สำคัญกว่าน้ำมันใต้ดิน ดูปองท์ก็เป็นบริษัทหนึ่งที่ เห็นความสำคัญตรงนี้ นำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ 'ไบโอเทคโนโลยี'
ดูปองท์ใช้เงินลงทุนมหาศาลในการพัฒนาห้องแลปที่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน 24 ชั่วโมงไม่เหนื่อย มีความถูกต้องแม่นยำกว่าคนและใช้คนน้อยมาก สมัยก่อนการค้นคว้าเรื่อง DNA ในสัตว์หรือมนุษย์ใช้เวลาหลายเดือน บางทีเป็นปี เพราะไม่ใช่ง่าย แต่ห้องแลปของดูปองท์ใช้เวลาเพียง 7 นาทีแล้วต่อไปจะพัฒนาให้เหลือ 1 นาที หรืออาจจะ 1 วินาที จากพื้นฐานตรงนี้ถึงจะมีโอกาสเข้าสู่ 'ไบโอเทคโนโลยี'เรื่องตัดต่อยีนต์ ซึ่งในส่วนของพืชทำมานานแล้ว
จากนี้ไป 'ไบโอเทคโนโลยี'ที่ต่อเนื่องจากเรื่องตัดต่อยีนส์จะมาถึงสัตว์ เทคโนโลยีที่สูงขึ้น
ยกตัวอย่างที่ ดูปองท์ นำต้นข้าวโพดมาพัฒนาแยกส่วนสร้างมูลค่าเพิ่ม ปกติเกษตรกรใช้แทรกเตอร์ไถต้นข้าวโพดฝังดิน 1.5 เมตรเป็นปุ๋ยแล้วเอาดินของเก่ากลับขึ้นมาเป็นหน้าดิน แต่ของดูปองท์เอาต้นข้าวโพดมาทำ 3 อย่าง คือ 1.เอามาทำเส้นใยทอพรม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ 2.ทำเป็นเสื้อกันกระสุน ขายให้ทหารอเมริกัน 3.นำไปหมักเป็นเอธานอลสกัดเป็นน้ำมันและเอาเมล็ดข้าวโพดสกัดโปรตีนออกมา เทคโนโลยีทำให้ข้าวโพดเพิ่มมูลค่ามหาศาลเป็นหลาย 100 % จาก 1 บาทเป็น 10 บาท หลายร้อยบาท นี่คือ เกษตรสมัยใหม่
ฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว น้ำมันจะหมด ถึงวันนั้นก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ผลิตมาทดแทน กลัวอย่างเดียว กลัวเราอยู่กับที่ กลัวอย่างเดียวกลัวค่าครองชีพสูง เราเลยกดราคาสินค้าต่ำ เงินเดือนต่ำ คนที่เป็นนักธุรกิจลองไปศึกษาดูซิว่า มีประเทศไหนที่ค่าครองชีพไม่สูง มีประเทศไหนไม่ใช้สองสูง แล้วประเทศนั้นจะเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะประเทศไหนไม่ขึ้นราคาสินค้าเกษตร แล้วประเทศนั้นจะร่ำรวย ไม่มี พอเกษตรกรร่ำรวยแล้วก็มีกำลังซื้อ ธุรกิจก็ขยาย ไปดึงคนในภาคเกษตรออกมา สุดท้ายเกษตรกรจะเหลือ 1% และคนที่เกี่ยวกับภาคเกษตร 5 %
เรื่องที่ผมสนับสนุนรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านบาท ถ้าวันนี้เราไม่ลงทุน 2 ล้านล้านบาท วันหน้า 6 ล้านล้านบาทยังสร้างไม่ได้ ผมไม่ได้พูดโดยหลักลอย ผมเห็นญี่ปุ่น พอมี 'ชินคันเซ็น' ประเทศเจริญรุ่งเรือง ที่ดินทั้งประเทศราคาสูงขึ้น รถไฟความเร็วสูงไปถึงไหน ชีวิตคนในต่างจังหวัด คนในเมืองดีไปหมด คนต่างจังหวัดก็ไม่ได้มาแออัดอยู่ในกรุงเทพ คุณภาพชีวิตคนกรุงเทพก็ดีขึ้นรถไม่ติด ถ้ามีรถไฟความเร็วสูง ผมไม่ต้องอยู่กรุงเทพฯไปอยู่โคราช ไปอยู่ปากช่อง สระบุรี ที่ดินก็ถูก อากาศก็ดี คนในเมืองก็มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ไม่มีประเทศไหนสร้างรถไฟ แล้วล่มจ่ม
หลังจากญี่ปุ่นก็ไต้หวัน พอสร้างรถไฟความเร็วสูงเสร็จ เศรษฐกิจรุ่งเรือง จากนั้นก็เป็นเกาหลีไต้ แล้วไปจีน วันนี้จีนมีรถไฟความเร็วสูงยาวที่สุดในโลก
หลายคนโจมตีผมบอกว่า จีนให้ไทยแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรกับรถไฟความเร็วสูง ซีพีต้องได้ประโยชน์ แต่เปล่าเลย เพราะเขาจะแลกข้าว แลกยางพารา แลกมันสำประหลัง แลกอย่างอื่น ในเรื่องอาหาร ไก่ หมู ซี.พี.ขายไปทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะจีนมาแลกสินค้าแล้วซี.พี.ดีขึ้น ผมทำเพื่อส่วนรวม ถ้าส่วนรวมดี ผมก็ดีขึ้นด้วย เหมือนเราเป็นเรือ เวลาน้ำขึ้น เรือลอยขึ้น ถ้าคนไทยร่ำรวยขึ้น นักธุรกิจทุกท่านร่ำรวยขึ้น ที่พูดก็เพื่อส่วนรวม ถ้าส่วนรวมดี ผมก็ดีไปด้วย นักธุรกิจก็ดีไปด้วย
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น วันนี้เอเชียเนื้อหอมเป็นประวัติศาสตร์ สมัยก่อนมีอเมริกา ญี่ปุ่นเป็นโต้โผใหญ่ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นเราไม่เคยเกินดุลการค้า เรามีแต่ขาดดุลการค้าให้กับญี่ปุ่น แต่เราเกินดุลการค้าอเมริกากับยุโรป แต่วันนี้เราไม่ใช่ขาดดุล หรือเกินดุล เราเกินดุลการค้ากับจีน จีนใหญ่ขึ้นมีพลังทำให้อเมริกาต้องเข้ามาแบ่งเค็กในจีนด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อประเทศไทย ถ้ารัฐบาลเข้าใจ
สมัยก่อนเรามีรุ่นพี่คนเดียว ไม่มีทางเลือก วันนี้อเมริกาก็กลับมาสนใจไทย จีนยิ่งสนใจไทย เพราะจีนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคนี้ ญี่ปุ่นก็กำลังสนใจไทย การลงทุนจะไหลมาลงที่เมืองไทย วันนี้การท่องเที่ยวเป็นที่หนึ่งของประเทศไทย แล้วท่องเที่ยวยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเยอะ รถยนต์เป็นที่สอง แล้วรถยนต์สร้างงาน สร้างภาษีให้กับคนไทย เพราะรถยนต์ต้องการแรงงานฝีมือ เงินเดือนสูง นอกจากจะประกอบรถในโรงงานแล้ว ยังต้องซ่อมบำรุง ต้องใช้ เซลในการขาย มีจุดบริการลูกค้า ดังนั้น วันนี้เป็นโอกาสที่ดียิ่งของคนไทย
วันนี้ ยักษ์ใหญ่ในโลกนี้ต่างหันมาสนใจเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ถ้าประเทศไทยสร้างรถไฟความเร็วสูงก่อนคนอื่น ประเทศไทยจะได้เป็นจุดศูนย์กลางที่แท้จริง พม่า เขมร ลาว จีน ตะวันตกเฉียงไปทางอินเดีย ลงใต้ไปมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ถ้าเมืองไทยเป็นจุดศูนย์กลางเมื่อไร ต่อไปทุกประเทศจะต้องมาเชื่อมโยงกับประเทศไทย แล้วตรงนี้จะทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต
พวกเราต้องเตรียมพร้อม เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน ท่องเที่ยวเกิดขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์เกิดขึ้น เกษตรดีขึ้น กำลังซื้อเกิด นักธุรกิจต้องลองหาโอกาส แล้วรวบรวมข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต อาเซียน เปิดแล้ว 10 ประเทศ พวกเรานักธุรกิจจะทำอย่างไร?
เรื่องแรกที่อยากแนะนำ นักธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง เราต้องเอาของที่เรามีความรู้ เรื่องที่เราเก่ง ทำผลงานได้ดีในเมืองไทย ไปขาย แล้วค่อยไปศึกษาเรื่องกฏหมาย ศึกษานิสัยประชาชนเขาว่าเป็นอย่างไร เหมือนเมืองจีน ผมจะไปลงทุนมนฑลไหน ตำบลไหน ผมต้องไปศึกษาว่า ตำบลนี้วัฒนธรรมหมู่บ้านเป็นอย่างไร เป็นโจรผู้ร้าย หรือเป็นผู้ดี หรือผู้มีการศึกษาสูง อันนี้สำคัญมาก คุณจะไปลงทุนประเทศไหนก็ตาม ในโลกนี้ทุกประเทศต้องมีจุดดีและจุดอ่อน มีประชากรดี หรือไม่ดี จะดี 100 เปอร์เซ็นต์เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้
ดังนั้น เราต้องเลือก เราต้องเตรียมพร้อม ถ้าพม่าเจริญเมื่อไร แรงงานพม่า 2-3 ล้านคนกลับไปบ้าน เมืองไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ วิธีที่ดีที่สุด คือใช้เทคโนโลยีแทน ถ้าเราอยู่ในอุตสาหกรรม วันนี้ต้องเริ่มศึกษา เอาของไปขายก่อน ไปศึกษาตลาดก่อน แต่สุดท้ายต้องดูว่าจะไปลงทุนอะไรต้องศึกษาให้ดี
ในโลกนี้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ต้องเริ่มจากธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง ไม่เว้นแม้แต่อเมริกา บิล เก็ตส์ ก็เริ่มมาจากเล็กนิดเดียว แล้วใหญ่ขึ้น ผมก็เคยเป็นนักธุรกิจเล็ก แต่เมื่อธุรกิจใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลงระบบ มีมืออาชีพเข้ามา เป็นระบบทันสมัย โดยเชิญดร.อาชว์ เตาลานนท์ มาช่วยเปลี่ยนแปลง
วันนี้ซี.พี.กำลังเปลี่ยนแปลงก้าวใหญ่อีกก้าวหนึ่ง โดยเชิญ ดร.โนเอล ทิชชี่ ซึ่งเคยทำงานกับ มร.แจ็ค เวล ของจีดี มาสร้างผู้นำเก่งๆ
เรื่องที่สอง นักธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง ต้องเก่งบัญชี การเงิน เก่งขาย รู้จักประชาสัมพันธ์ รู้จักจัดซื้อ ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต้องรู้จักบริหารโรงงาน แล้วต้องรู้จักบริหารคน โอกาสที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม แล้วเลือกไปลงทุนในพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมที่ดี มีคนที่ดี อย่างนี้เจริญรุ่งเรืองแน่นอน
เรียบเรียงจาก : ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง 'โอกาสของนักธุรกิจไทยใน AEC'โดย นายธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในงานเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และเทคโนโลยี โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน เมื่อวันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556 ณ โรงละครเอก โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน
|