เศรษฐกิจโลกในวันนี้ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเจอวิกฤต อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต้องฟื้นแน่นอน มีคำกล่าวว่าสหรัฐอเมริกาจามทีเดียวทั่วโลกเป็นไข้หวัดใหญ่ ค่อนข้างจะจริง เมื่อสหรัฐอเมริกาป่วยก็ดึงเอายุโรปป่วยไปด้วย แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ดึงให้อาเซียนป่วยตามไปด้วยเพราะเมื่อสหรัฐอเมริกาป่วย ยุโรปป่วย เงินก็ไหลกลับมาทางเอเชีย เอเชียกำลังรุ่งเรือง นำเงินมาใช้อย่างสนุก หุ้นก็ขึ้น ทองคำก็ขึ้น แต่เมื่อสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวเงินต้องไหลกลับพอไหลกลับก็ทำให้มีวิกฤตแน่นอนแต่แค่ชั่วคราว มีวิกฤตย่อมตามมาด้วยโอกาส ถ้าไม่มีวิกฤตก็ไม่มีโอกาส แต่เมื่อมีโอกาสก็ย่อมต้องมีวิกฤตอันนี้แน่นอนของคู่กัน ฉะนั้นทุกๆ ครั้งที่วิกฤตมาเป็นโอกาส ต้องศึกษาให้รอบคอบ วันนี้ศึกษาหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้ทั่วโลกแล้ว ครั้งนี้เพียงชั่วคราวเงินกลับไปต้องไหลกลับมาแน่นอน เพราะว่าเอเซียกำลังเติบโต และเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นแน่นอน อเมริกาดีขึ้นยุโรปก็ต้องดีขึ้น เมื่อยุโรปดีขึ้นเอเซียก็ต้องดีขึ้น

      ช่วงนี้เป็นโอกาสอย่างยิ่งของจีน เพราะจีนเป็นพี่เบิ้ม จีนต้องการเข้ามาสู่อาเซียน ซึ่งในวันนี้จีนนอกจากจะเอานักธุรกิจมาลงทุนในไทย ยังชวนนักธุรกิจไทยไปลงทุนที่เมืองจีนด้วยแต่รัฐบาลไทยควรให้บีโอไอ มาส่งเสริมนักธุรกิจไทยไปลงทุนต่างประเทศ ไม่ใช่ส่งเสริมให้แต่นักธุรกิจในต่างประเทศมาลงทุนในเมืองไทย ต่อไปถือว่าเป็นสงครามเศรษฐกิจ เขามาเราไป เขามาลงทุนเอากำไรของเรากลับบ้าน เราก็ต้องไปลงทุนต่างประเทศเอากำไรคืนกลับบ้าน สนามรบเป็นสนามค้า เมื่อไปลงทุนกับที่ไหนเพื่อนบ้านยิ่งต้องสนิทกัน พึ่งพาอาศัยกันทำประโยชน์ซึ่งกันและกัน ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก

     อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือเรื่องการท่องเที่ยว ล่าสุดที่รัฐบาลไทยมีแผนจะยกเลิกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้า 1% ของคนร่ำรวยของจีนคือ 13 ล้านคน เดินทางมาเที่ยวไทยก็จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้ มีการจ้างงานมากขึ้น และหากลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยและภาษีการค้าก็จะยิ่งมีรายได้เข้ามามากขึ้น ฝากให้ทุกท่านไปเตรียมพร้อม ต่อไปเรื่องภัตตาคาร โรงแรม เรื่องท่องเที่ยว จะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของประเทศไทย เรียกว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีปล่องไฟ ดีกว่าการลงทุนโรงงานอุตสาหกรรม เพราะไม่มีมลภาวะ เค้าเอาเงินมาซื้อ มาจ่าย มาใช้สร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล

    อาเซียนกำลังเติบโตกำลังหนุ่มสาว ฉะนั้นวันนี้ไทยเนื้อหอมต้องฉวยโอกาสอันนี้  นโยบายรัฐบาลไทยเป็นพันธมิตรกับทุกประเทศ วันนี้เป็นโอกาสของไทยขอให้การเมืองนิ่งคนไทยจะร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

    ส่วนการลงทุนโครงการรถไฟ 2 ล้านล้านบาทนั้น ผมมองว่าถ้าโครงการครั้งนี้ไม่ผ่านต่อไป 6 ล้านล้านในอนาคตไม่รู้จะสร้างได้หรือเปล่า ไม่มีประเทศไหนทำรถไฟรางคู่แล้วล่มจม โดยดูได้จากญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ เป็นตัวอย่างไปดูที่ญี่ปุ่นชินคันเซ็นรถไฟความเร็วสูงกว่า 200 กม./ชม. เมื่อสร้างเสร็จประเทศญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองอย่างเร็วเพราะเมื่อรถไฟความเร็วสูงไปถึงที่ไหนทำให้แถวนั้นเจริญที่ดินราคาสูงขึ้น เมืองไทยจำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรถไฟรางคู่นอกจากขนคนยังขนสินค้าด้วยทำให้ต้นทุนถูกลง ทำให้ต่อไปไทยเป็นจุดศูนย์กลางที่แท้จริง ไปถึงเมืองจีน พม่า เขมร ลาว และอินเดีย ตลาดยิ่งใหญ่อยู่ที่ จีน พม่า ไทย อินเดีย ซึ่งจีนที่มีจำนวนประชากร 1,300 ล้านคน อินเดีย 1,000 ล้านคน พม่า 60 ล้านคน ไทย 70 ล้านคน และโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ GDP สูงขึ้น การจ้างงานสูงขึ้นทันที

     เครือซี.พี.ที่ประสบความสำเร็จเพราะเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดไปให้กับเกษตรกร เหมือนกับกล้องถ่ายรูปที่สมัยนี้คุณไม่ต้องศึกษาไม่ต้องมีความรู้ขอให้มองภาพอยู่ตรงกลางแล้วกดลงไปก็จัดให้เราทุกอย่าง คนสร้างลำบากแต่คนใช้สบายยิ่งไฮเทคยิ่งเหมาะสมกับคนที่ไม่มีความรู้ มหาวิทยาลัยฮาววาร์ดซึ่งมาทำกรณีศึกษาของซี.พี.ถามผมว่าคุณธนินท์ทำไมคนอื่นไปลงทุนที่ประเทศด้อยพัฒนาแล้วขาดทุนคุณไปแล้วกำไรได้ยังไง เพราะเขาไม่เข้าใจ ประเทศที่ด้อยพัฒนาทำไมด้อยเพราะขาดความรู้ ข้าราชการก็ขาดความรู้ ในสังคมก็ไม่ประติดประต่อ ซี.พี.เอาเทคโนโลยีไปเมืองจีนเมื่อ 33 ปีก่อน ถ้าไม่ทำให้ทุกอย่างให้ครบวงจรก็ล้มละลาย เอาพันธุ์ไก่ที่ดีไป ถ้าไม่มีอาหารสัตว์ที่ดี ไปเลี้ยงอาหารธรรมดาไก่พันธุ์นี้ก็ตายหมด ถ้าไม่สร้างโรงเรือนที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมไก่พันธุ์ก็ตายหมดเพราะสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย เลี้ยงแบบธรรมดาไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนพันธุ์ต้องเปลี่ยนทุกขั้นตอน ไม่ใช่เปลี่ยนเฉพาะพันธุ์ เช่น เราเอาไก่เนื้อไปพม่าแล้วให้พม่าเอาไปเลี้ยงโดยเลี้ยงข้าวเปลือกไก่พวกนี้ไม่โตแถมตายด้วยเพราะภูมิต้านทานไม่มี ฉะนั้นนี่เป็นเคล็ดลับของซี.พี. ไปประเทศที่ด้อยพัฒนาเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดไป ต้องทำให้พร้อมครบวงจรทำให้ซี.พี.ถูกหาว่าผูกขาด ตอนที่เราทำพร้อมคนอื่นทำไม่ได้ ซีพีทำได้ คนที่ทำไม่ได้ก็หาว่าผูกขาด ทำไมไม่เรียนรู้ ซี.พี.ทำอย่างไร นำเอาความรู้นี้ไปใช้ ซึ่งคนจีนไม่เคยว่าซี.พี.ผูกขาด มีแต่พูดว่าซี.พี.ทำให้พวกเขาร่ำรวยขึ้น ซี.พี.เอาความรู้มาสอนและคนจีนเรียนรู้ได้เร็ว เมื่อเรียนรู้และทำเป็นครบวงจร10 ปีเท่านั้นนำหน้าซี.พี.ไป คนทำธุรกิจต้องเปิดใจกว้าง ต้องเข้าใจไปประเทศด้อยพัฒนาใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำไมเขาถึงด้อยพัฒนาเพราะขาดแคลน ขาดทุกอย่าง เมื่อคุณจะไปลงทุนต้องพร้อมและต้องครบวงจรโดยเฉพาะการลงทุนด้านเกษตร

   ด้านบุคลากรซี.พี.จะสร้างคนของซี.พี รุ่นใหม่ที่เข้ามาให้รู้จักทุกอย่างเหมือนเถ้าแก่เล็ก ซึ่งไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เถ้าแก่เล็กต้องเรียนรู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดซื้อ เรื่องงานขาย งานประชาสัมพันธ์ งานด้านบุคคลและการบริหารคน บัญชีและการบริหารเงิน สอนให้ครบ ตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับซี.พี. จะมีซีอีโอที่รู้ทุกอย่าง แต่อาจจะไม่ต้องลงลึกมาก ฉะนั้นซี.พี.ไม่ได้หวง เข้ามาซีพีให้คุณเรียนรู้หมดทุกอย่าง คุณชอบทางไหนก็เลือกไปทางนั้น ไม่ได้กลัวว่าเมื่อเรียนรู้แล้วจะไปเป็นเถ้าแก่เล็ก เองตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการสร้างคนให้สังคม ถึงไม่อยู่ทำงานให้ซี.พี.คนเหล่านี้ก็จะไปทำประโยชน์ให้สังคม 

      ขอฝากสำหรับนักศึกษาที่จะเตรียมพร้อมก้าวสู่เวทีโลก ต้องเรียนรู้ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ  2 ภาษานี้ทำให้คนไทยไปทำงานได้ทั่วโลก การทำงานในเมืองไทยเล็กไปแล้วสำหรับคนไทยแต่สมัยก่อนเราไปทำงานทั่วโลกคือไปขายแรงงาน ต่อไปการไปทำงานทั่วโลกต้องไปขายความรู้ ต้องมีวิชาชีพไปไม่ใช่ไปขายแรงงาน แรงงานต้องปล่อยให้บังคลาเทศ อินเดียหรือประเทศที่ด้อยกว่าเราไปขาย ฝากรัฐบาลด้วยว่าต้องเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอน เรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีจบมาแล้วต้องเอาไปปฏิบัติจริงให้เกิดประโยชน์ได้ เรียนรู้จากเยอรมัน เยอรมันเด็กจบมหาวิทยาลัยมือดำ ไม่ใช่มือสะอาด มีความรู้ มีเทคนิคติดตัว จบมาทำงานได้เลย ไทยต้องทำให้ได้อย่างเยอรมัน โดยนิสิตนักศึกษาควรเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและเรียนในสิ่งที่ตลาดต้องการเพื่อที่จบออกมาแล้วจะได้มีงานรองรับ ได้ทำงานที่ดีและมีความสุขกับการทำงาน ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกว่าทำงานไม่เหนื่อยเพราะทำงานด้วยความสนุก ทำงานเหมือนเที่ยว ท้าทายเหมือนการเล่นเกมส์ ประเทศไทยเต็มไปด้วยอนาคต โอกาสรอพวกเราอยู่ เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า และจะเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของประเทศต่อไป

เรียบเรียงจากคำกล่าว นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ 
งาน "This's My Future 2013 : 9 ขุนคลังสมองของประเทศไทย เตรียมคนไทยไปเวทีโลก" เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของมูลนิธิไทยคม ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2556