เศรษฐกิจของโลกกำลังก้าวสู่ยุคแห่งเปลี่ยนแปลง และตามประวัติศาสตร์พบว่าทุก ๆ ครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นจะเกิดภาวะเศรษฐกิจก้าวกระโดด และการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดเท่านั้นแต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตตามความกว้างขวางของโลกอีกด้วย
สมัยก่อนศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกอยู่ที่อเมริกา ยุโรป และเอเชีย แต่วันนี้เอเชียเป็นกลุ่มประเทศที่น่าจับตา เพราะเศรษฐกิจของเอเชียกำลังเติบโตรุดหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โลกมีประชากร 7,000 ล้านคน และจำนวนกว่าครึ่งของประชากรโลกอาศัยอยู่ในเอเชีย การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เศรษฐกิจของเอเชียจะเติบโตโดยการนำของ จีน ญี่ปุ่น และต่อไปก็อินเดีย
ในขณะที่อเมริกาซึ่งมีประชากรเพียง 200 กว่าล้านคนยังสามารถเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก เมื่อรวมกับยุโรป สองทวีปนี้เป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก แถมด้วยญี่ปุ่น แต่วันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ศูนย์กลางเศรษฐกิจไม่ใช่อยู่ที่ทวีปอเมริกา และยุโรปอีกต่อไป แต่จะเคลื่อนย้ายมาทางเอเชีย และเมื่อทางเอเชียเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะกลับไปเกื้อหนุนเศรษฐกิจอเมริกาและยุโรป
ธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์เติบโตอยู่ใน 15 ประเทศซึ่งมีประชากรอยู่ 3,000 กว่าล้านคน เป็นธุรกิจอาหารสมองและ อาหารปากท้อง และยังมีธุรกิจค้าปลีกที่เข้มแข็งที่สุดในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์จะมีโอกาสเข้มแข็งที่สุดในอาเซียน 10 ประเทศ
แนวโน้มสำคัญที่จะเกิดขึ้น คือ อาหารที่มีสุขภาพ ซึ่งจะเป็นที่ต้องการของทั่วโลก โดยปัจจุบันเครือเจริญโภคภัณฑ์ลงทุนและทำการค้าอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรมากกว่า 3,000 ล้านคน จึงถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่จะต้องทำให้สำเร็จ ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้อนาคตของเครือเจริญโภคภัณฑ์มีศักยภาพและความสามารถที่จะดำเนินธุรกิจครอบคลุมอาณาเขต 7,000 กว่าล้านคนของโลก เป็นบริษัทไทยชั้นนำระดับโลกตามเป้าหมายที่ต้องการ
โลกกำลังก้าวหน้าอย่างไม่ใช่ทวีคูณ ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ของโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงด้วยเช่นกัน เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงเทคโนโลยีด้านการผลิตอาหาร ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหาร และจะทำให้ธุรกิจอาหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะมีโอกาสที่จะผลิตไปขายทั่วโลก แม้กระทั่งในประเทศด้อยพัฒนาก็ต้องใช้อาหารที่ผลิตจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพราะเครือเจริญโภคภัณฑ์มีความสามารถที่จะผลิตอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และราคาถูก
มองต่อไปในด้านเศรษฐกิจของโลก เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจอเมริกาที่ทรุดอยู่จะกระทบธุรกิจเอเชียไม่มาก และกระทบชั่วคราวเท่านั้น แต่ในที่สุดแล้วเศรษฐกิจของเอเชียจะต้องดีขึ้น และวันนี้อเมริกาก็ยังคงเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก เมื่อเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวก็จะทำให้เอเชียดีขึ้นไม่ใช่แย่ลง และเมื่อเอเชียดีขึ้น อเมริกาดีขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจของยุโรปดีขึ้นตามไปด้วย
ขอพูดซ้ำอีกว่า ทุก ๆ ครั้งที่ในโลกนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้นเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ทุก ๆ คนต้องติดตามและจับตาและศึกษาอย่างลึกซึ้งว่า เศรษฐกิจเที่ยวนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เงินของโลกก็มากขึ้น คนมีเงินก็มากขึ้น จาก 3,000 กว่าล้านคนไม่เคยใช้รถยนต์ก็มาใช้รถยนต์มากขึ้นทุกวัน ต้องวิเคราะห์กันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สมัยก่อนอาศัยอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นฉุดเศรษฐกิจของโลก แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว วันนี้คนที่จะมาฉุดเศรษฐกิจของโลก แน่นอนคือจีน 1,300 ล้านคน อินเดียเศรษฐกิจต้องดีขึ้นแน่นอน ยุโรปตะวันออกเศรษฐกิจก็ต้องดีขึ้น
ต่อไป โลกนี้การค้าจะไม่มีพรมแดน เมื่อเครือเจริญโภคภัณฑ์จะเข้าสู่ธุรกิจระดับโลกก็ต้องมีคน ผู้นำทุกคนของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องเร่งพัฒนาคนหนุ่มสาวขึ้นมาทดแทน โดยผู้ที่อาวุโสกว่าและมีประสบการณ์มากกว่าต้องให้การสนับสนุน เพื่อเป็นการสร้างคนเก่งในวันข้างหน้า ซึ่งต้องทำอย่างรวดเร็ว เพราะโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โลกไม่รอใคร ถ้าก้าวไปช้า ๆ ก็จะเสียโอกาส
หมายเหตุ : สรุปและเรียบเรียงจาก ปาฐกถาของ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ใน พิธีเปิด “มหกรรมนวัตกรรมบัวบานและการประชุมวิชาการเครือเจริญโภคภัณฑ์ 2556” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
|