จีนไม่เพียงแต่เป็นโรงงานของโลก แต่ในวันนี้จีนได้เปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นนักลงทุนใหญ่สุดของโลก เพราะมีทั้งเม็ดเงิน และเทคโนโลยีทันสมัย ก้าวสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เป็นผู้สร้างพลังทางเศรษฐกิจแก่เอเชีย โดยผงาดขึ้นเป็นหัวรถจักรขบวนใหญ่ที่สุดในบูรพาภิวัฒน์ยุคปัจจุบัน
นับจากนี้ต่อไปเงินทุนของจีนจะไหลเทไปยังทั่วทุกภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะซีกโลกตะวันตกอย่างต่อเนื่องไปหลายทศวรรษ สิ่งท้าทายสำหรับประเทศต่าง ๆ ในเอเชียรวมทั้งไทยคือการสร้างพันธกิจใหม่ (New Mission) ของบูรพาภิวัฒน์ เพื่อให้มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับกระแสโลกาภิวัตน์ในยุคใหม่ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการทำให้เอเชียผงาดขึ้นมาอีกครั้ง
โดยเฉพาะประเทศไทย...หากไม่ปรับเปลี่ยนหัวรถจักรให้ไปได้กับจีนก็อาจจะตกขบวนรถสายบูรพาภิวัฒน์นี้ก็เป็นได้...
พันธกิจใหม่แห่งบูรพาภิวัฒน์จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ผู้นำ และ ความพร้อมของคน
ประการแรก คือ “ผู้นำ” ทุกประเทศในเอเชียจะต้องมีวิสัยทัศน์ในการผลักดันประเทศให้พัฒนา และเติบโตไปพร้อมกับกระแสบูรพาภิวัฒน์ ผู้นำประเทศจะต้องกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศให้ชัดเจน มีนโยบายและยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมต่อการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ประการที่สอง คือ “คน” หรือ ความพร้อมของทรัพยากรมนุษย์ ปัจจุบันโลกมีโอกาสรออยู่ และ ต้องการคนที่มีคุณสมบัติพร้อม แต่ในโลกจริงของธุรกิจไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดต่อการอยู่รอดขององค์กรในยุคโลกาภิวัตน์อยู่ที่การเตรียมพร้อมของคน
แต่ปัจจุบันพบว่าทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง ต่างรู้สึกว่า งานกับคุณสมบัติของคนทำงานไม่ตรงกัน มหาวิทยาลัยผลิตบุคลากรไม่ตรงกับความต้องการของตลาด
ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรี นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงเรื่องการศึกษาไว้อย่างน่าสนใจและท้าทายต่อระบบการศึกษาซึ่งเป็นระบบสำคัญของสังคมในการพัฒนาคน นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กกล่าวว่า ต่อไปนี้ถ้ามีลูกมีหลานจะไม่ส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะส่งไปเรียนด้านวิชาชีพ เพราะการเรียนมหาวิทยาลัยสิ้นเปลือง และไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนเรียนถึง 4 ปี จบมาแล้วก็ยังหางานทำยาก ในขณะที่จบด้านวิชาชีพ เช่น ช่างไฟ ช่างประปา สามารถหางานทำได้ทันที
มองกลับมาที่ไทย การปรับตัวของธุรกิจไทยเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศในโลกตะวันออกภายใต้บูรพาภิวัฒน์รอบใหม่ ต้องยอมรับว่า "สถาบันการศึกษา " มีบทบาทสำคัญมากในการผลิตบุคลากรออกมาให้รองรับกับงานภายใต้การผงาดขึ้นของเอเชียครั้งนี้ ระบบการเรียน 4 ปีในมหาวิทยาลัยไม่ใช่ทางออกในการสร้างคน
ทางออกที่น่าสนใจคือพัฒนาระบบการเรียนการสอนในลักษณะ Dual Track คือ เรียนไปด้วยเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานด้วยการปฏิบัติงานจริงไปด้วย เพื่อสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพทั้งในเชิงวิชาการและสามารถปฏิบัติงานได้จริง โดยเน้นหลักสูตรการเรียนทฤษฎีควบคู่กับการเรียนปฎิบัติ หรือฝึกงานที่ตรงกับสาขาวิชาที่เรียนจริง ๆ (work based learning) ดังเช่น สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์โดยบมจ.ซีพี ออลล์ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างคนให้กับภาคธุรกิจ และป้อนคนให้กับธุรกิจของตนเอง
หัวรถจักรของไทยจะเป็นแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ไทยจะตกขบวนหรือไม่ ? ถึงเวลาที่ไทยต้องเปลี่ยนหัวรถจักรให้เข้ากันได้กับหัวขบวนใหญ่อย่างจีน เพราะรถไฟขบวนนี้จะนำไทยให้ก้าวไปถึงรถไฟขบวนโลกเพราะมิเช่นนั้นต้องตกขบวนอย่างแน่นอน
โดย : ดร.สารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด
|