- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published: Friday, 29 May 2015 10:53
- Hits: 2906
การทำให้ 'สินค้าแฟชั่นผ่าน' ด่านศุลกากร
โดย เดวิด คันนิ่งแฮม จูเนียร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส
แฟชั่นเป็นธุรกิจระดับโลกและโลกเป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างมาก ธุรกิจด้านแฟชั่นมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ1 อยู่ในทิศทางการเติบโตเป็นทวีคูณในยุคดิจิตอลซึ่งเกิดแรงผลักดันจากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา2 และจะไม่ได้มีเพียงผู้ค้าปลีกรายใหญ่เท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ ผู้ทีเริ่มต้นธุรกิจและผู้ประกอบการขนาดเล็กที่กำลังมองหาการเติบโตที่มีศักยภาพใหม่ๆ ข้ามพรมแดนในรูปแบบของลูกค้าใหม่ หรือชิ้นงานสำเร็จที่เป็นเอกลักษณ์ และส่วนประกอบต่างๆ สำหรับเสื้อผ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต หรือการขายสินค้าแฟชั่นในต่างประเทศ การมีความรู้ด้านศุลกากรสามารถสร้างหรือทำลายอาณาจักรธุรกิจที่กำลังเบ่งบานได้
คริสตี้ อึ้ง (Christy Ng) ผู้ประกอบการรองเท้า กล่าวว่า "การออกแบบที่สดใหม่ งานช่างฝีมือที่โดดเด่นและราคาที่แข่งขันได้" เป็นแรงจูงใจในการค้นหาสิ่งดึงดูดให้กับรองเท้า เนื้อผ้าและวัตถุดิบจากนอกประเทศมาเลเซียเพื่อรังสรรค์แบรนด์ที่เป็นตำนานของเธอ” ส่วน ฮวน เดวิด มาร์ติเนส เจ้าของ Industrias Su?rez ผู้ผลิตชุดสำหรับขี่จักรยานในโคลอมเบีย บอกว่า คุณภาพและการเทียบราคาวัตถุดิบ เช่น ซิป สีย้อม กาวและเทปสะท้อนแสงจากต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนสร้างโมเดลและความซื่อสัตย์ต่อผลิตภัณฑ์ของเขา
อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจกฎระเบียบทางศุลกากรก่อนที่คุณจะกระโจนเข้าสู่การจัดหาวัตถุดิบจากทั่วโลกเป็นสิ่งจำเป็น ตามที่ คริสตี้ อึ้ง และมาร์ติเนสเป็นเครื่องยืนยัน กฎระเบียบทางศุลกากรที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละประเทศ อาจมีการหน่วงเหนี่ยวการนำเข้าสินค้าและมีบทลงโทษตามมา ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามกฎ คริสตี้ อึ้ง เคยประสบข้อผิดพลาดนี้ด้วยตนเอง กฎระเบียบที่มีความซับซ้อนหรือมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิด "การสูญเสียทางการเงินเป็นประวัติการณ์เมื่อเสื้อผ้าทั้งหมดติดอยู่ที่ท่าเทียบเรือเป็นเวลาหลายสัปดาห์"
หากคุณเป็นผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นที่พร้อมที่จะเดินหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัตถุดิบ หรือขายสินค้าในต่างประเทศ นี่คือเคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับการทำให้สินค้าผ่านด่านศุลกากรเพื่อให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้
1. ตรวจสอบโควต้าสิ่งทอและข้อกำหนดการออกใบอนุญาต
อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นหัวข้อเรื่องในการเจรจาบนเวทีการค้าโลกมาเป็นเวลานาน ในปี 2503 มีระบบโควต้าที่ซับซ้อนทั่วโลก ซึ่งถูกยกเลิกนับตั้งแต่นั้นมา แต่บางประเทศยังคงรักษาโควตา (select quotas3) เช่น คอสตาริกาซึ่งยังควบคุมการค้าผ้าขนสัตว์บางชนิด ตลาดในเม็กซิโกต้องการผู้นำเข้าสิ่งทอหรือวัตถุดิบจะต้องมีใบอนุญาตหรือวีซ่า4
2. ตรวจสอบรายชื่อสารเคมีต้องห้ามหรือจำกัดการนำเข้า
สิ่งทอและวัตถุดิบหลายชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสินค้าแฟชั่นประกอบด้วยพลาสติก หรือสารเคมีซึ่งถูกห้าม หรือจำกัด เช่น ห้ามค้าสิ่งทอที่มีฟอร์มาลดีไฮด์ในยุโรป หารายชื่อสารเคมีต้องห้ามได้จากหน่วยงานท้องถิ่น และตรวจสอบกับผู้จำหน่ายสิ่งทอและวัตถุดิบที่ผ่านการทดสอบก่อนที่จะซื้อ
3. แน่ใจว่าการประเมินมูลค่ามีความถูกต้องและสินค้ามีฉลากระบุรายละเอียดไว้ชัดเจน
เมื่อนำเข้าหรือส่งออกสินค้าให้แน่ใจว่ามีการประเมินมูลค่าที่ถูกต้องเพื่อการคำนวณภาษีพร้อมกับคำอธิบายรายละเอียดสิ่งของที่จัดส่ง ตัวอย่างเช่น แทนที่จะระบุเพียง ‘ชุดผ้าไหม' คำอธิบายควรเขียนว่า 'ชุดผ้าไหมสีฟ้าที่มีการปักลาย ' รายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรคำนวณภาษีและอากรที่จะต้องจ่ายในการจัดส่ง
4. ตรวจสอบว่าสินค้าเป็นของแท้และรายงานสินค้าปลอมใด ๆ
ประมาณการณ์ว่าการขายสินค้าปลอมมีมากถึงร้อยละ 10 ของการค้าขายสินค้าแฟชั่นประเภทเข็มขัด กระเป๋าและรองเท้าซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เราไม่ได้เน้นพูดถึงกระเป๋าและเสื้อผ้าแบรนด์เนม สินค้าปลอมในปัจจุบันตรวจสอบได้ยากมากขึ้น คุณอาจไม่ได้ตั้งใจเมื่อพบว่าตนเองจัดหา (หรือต้องโทษ) เป็นผู้นำเข้า 'สินค้าปลอม'
5. ทำความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในอนุสัญญาและกฎระเบียบท้องถิ่นที่ห้ามหรือจำกัดการค้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์บางชนิด
อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศของรัฐบาลห้ามการค้าสัตว์ป่า นอกจากนี้หลายประเทศมีกฎหมายที่ควบคุมการเพิ่มเติมการค้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่แตกต่างกันในตลาดแต่ละแห่ง ยกตัวอย่างเช่น การนำเข้าขนสุนัขหรือขนแมวบ้านไปยุโรปถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ได้รับอนุญาตในบางประเทศในเอเชีย4
6. ขอใบรับรองเมื่อมีความจำเป็น
ในบางกรณี จะต้องมีใบรับรองเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าสินค้า
การจัดหาหรือขายสินค้าในต่างประเทศอาจดูซับซ้อน แต่มีหลากหลายองค์กรที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ มีตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐจนถึงคู่ค้าที่ทำการขนส่ง อาทิ Open to Export ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของสหราชอาณาจักร (UKTI) เป็นแหล่งเริ่มต้นที่ดีในการสร้างแบรนด์แฟชั่นในระดับสากล เมื่อคุณพร้อมเริ่มต้นเจรจากับผู้ให้บริการการขนส่งของคุณเพื่อหาเครื่องมือ เช่น Global Trade Manager ของเฟ็ดเอ็กซ์ จะช่วยประมาณการภาษีและอากร จัดเตรียมเอกสารและรับข้อมูลเชิงลึกที่เป็นปัจจุบันในเงื่อนไขต่างๆ ของตลาดท้องถิ่น