- Details
-
Category: บทความทั่วไป
-
Published: Wednesday, 07 January 2015 13:42
-
Hits: 4400
ปัญหาจาก Li (n)e....ที่คนไทยต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน
โดย มณวลัญช์ ธาตุธรรม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถึงวันนี้ เชื่อว่าทุกคนที่มี Smartphone คงมีจำนวนน้อยมากๆที่ไม่มีใครไม่เคยใช้ Application LINE ในการรับและส่งต่อข้อความไปให้เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ตัวเลขผู้ใช้ Line ทั่วโลก ณ เดือนกันยายน 2557 มีมากถึง 490 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้ในประเทศไทยถึง 27 ล้านคน นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่การส่งผ่านข้อความทาง Line จึงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ด้วยความที่ Line เป็นการส่งข้อความส่วนตัว ทำให้การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมด ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ใช้เป็นหลัก ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดเข้าไปกลั่นกรองให้ผู้ใช้ทราบว่า ข้อความนั้นๆเป็นจริงหรือไม่ ยิ่งถ้ามีการจัดทำมาอย่างดีในรูปแบบของภาพ InfoGraphic หรือคลิป ที่แม้จะไม่มีชื่อผู้รับผิดชอบการกระจายข่าวนั้น ผู้คนก็ยังใช้สามัญสำนึกที่มีมากน้อยต่างกันในการพิจารณาที่จะเชื่อและแชร์ โดยเฉพาะ 'ข่าวลบ' ที่มักจะส่งต่อกันโดยโดยที่ไม่อ่าน รายละเอียดเลยก็มี นี่จึงเป็นเหตุผลอีกข้อที่ทำให้ Lineกลายเป็นแหล่งกระจายข้อความเท็จ เป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้าม กรณีแบบนี้เห็นได้ชัดเจนในวงการการเมือง แวดวงบันเทิง หรือแม้แต่การทำลายชื่อเสียงทางธุรกิจ
เช่น กระแสข่าวลือทางไลน์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคในหมู ที่ระบุว่า "ช่วงนี้ให้งดกินหมูไก่เป็ด สัก 6 เดือน เพราะฟาร์มที่นครปฐม หมูขนร่วงและเป็นแผลพุพอง เป็นโรคเอดส์หมูไก่เป็ดตายวันละนับพันตัว เจ้าของฟาร์มบอกเอง ให้กินกุ้งปลาไปก่อน รวมทั้งลูกชิ้น ไส้กรอก ฮอตดอก ควรงดด้วย เพื่อนส่งข่าวมาบอก ข่าวด่วน..ซีพี ปิดข่าวหมูไก่ติดเชื้อตัวใหม่ ห้ามกิน 6 เดือน ติดเชื้อตายใน 9 วัน พนักงานซีพีตายไปแล้ว 7 คน ระวังติดเอดส์ไม่รู้ตัว ฝากแชร์ต่อๆ กันด้วย" ผลที่ตามมาทำให้ประชาชนวิตกและหวาดกลัว จนชาวบ้านบางส่วนไม่กล้าซื้อเนื้อหมูมารับประทาน
เป็นเหตุให้ ภาครัฐและเอกชนหลายฝ่าย ต้องออกมาให้ข้อเท็จจริง อาทิ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย และที่สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากข่าวลือทางไลน์ได้ชัดเจนที่สุดก็คือผู้เลี้ยงสุกรในจังหวัดนครปฐม ที่บอกว่า ข่าวลือนี้สร้างความเสียหายในภาคธุรกิจค้าหมูอย่างมาก ปัจจุบันราคาหมูหน้าฟาร์มก็ตกต่ำย่ำแย่อยู่แล้ว เมื่อมาเจอข่าวลือลักษณะนี้อีก ทำให้หลายฟาร์มประสบภาวะขาดทุน เพราะประชาชนบางส่วนไม่กล้าซื้อหมูมารับประทาน
การหลงเชื่อข่าวลือทาง Line นั้น ไม่ได้มีเฉพาะเพียงนักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป แม้แต่สื่อมวลชนกระแสหลักอย่างหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ที่เรียกได้ว่ามีความช่ำชองในข่าวสาร ก็ยังพลาดพลั้งหลงเชื่อข้อความทาง Line และนำออกมาเผยแพร่บนสื่อหลักของตนก็มีให้เห็นหลายครั้งหลายครา
อันที่จริงก็มีความพยายามที่จะบริหารจัดการข้อมูลเท็จในไลน์อยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน อาทิ การปล่อยข่าวลือว่าสติ๊กเกอร์ตัวนั้นตัวนี้สามารถแฮ็กข้อมูลของผู้ใช้ Line ได้ หรือ ล่าสุด กระทรวงไอซีที ออกข่าวว่ากำลังเร่งดำเนินการสอดส่องผ่านกลุ่มไลน์ โดยมีมาตรการเข้าไปสมัคร 'เป็นเพื่อน' จากนั้นก็จะติดตามดูในกลุ่มว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายการเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดต่อประกาศ คสช. หรือไม่
ฟากของผู้บริหารไลน์ไทยแลนด์ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีทางที่ไอซีที จะตรวจสอบข้อความของผู้ใช้ไลน์ในไทย และจะดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ได้ เพราะไลน์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ได้เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคล และในทางสากลก็มีกฎหมายละเมิดสิทธิของผู้ใช้ไลน์คุ้มครองอยู่ เว้นแต่ทางการไทยจะประสานมาที่ไลน์ประเทศไทย ซึ่งต้องมีหมายศาลและติดต่อไปที่ไลน์ ประเทศญี่ปุ่นหรือบริษัทแม่ก่อน นอกจากนี้ ยังต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทแม่ด้วยว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้หรือไม่
คำกล่าวเช่นนี้ เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า หากมีใครคิดให้Line Thailand ร่วมรับผิดชอบการกระทำของผู้ใช้ App ไม่ว่าจะโดยการเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ หรือร่วมรับโทษทางกฏหมายด้วยก็ตาม รับรองว่าเรื่องต้องยาวเป็นมหากาพย์ กว่าจะได้ข้อสรุป ก็อาจลืมเรื่องราวต้นเรื่องไปแบบกุ่ไม่กลับเลยก็ได้ นี่จึงเป็นการปิดประตูความหวังที่จะบริหารจัดการข้อมูลเท็จ หรือ Hate Speech ในโลกออนไลน์กันแล้วหรืออย่างไร
อิทธิพลของการใช้ไลน์ในทางที่ผิดนั้นบานปลายจนยากจะเยียวยา คงเหลือเพียงคนไทยต้องมีสติ คิดพิจารณาความเป็นไปได้ และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนในกลุ่มไลน์ด้วยกัน อย่าปล่อยให้ข้อความเท็จเหล่านี้ทำลายความรักความสามัคคีของคนในชาติ ทำลายเศรษฐกิจของชาติ หรือทำลายใครคนใดคนหนึ่ง โดยที่เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องมือนั้นอีกเลย
นอกเหนือจากไลน์แล้ว ปัญหาของ Facebook ก็มีไม่น้อย เช่น กรณีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ที่ กสทช. ถึงกับขอเชิญ เฟซบุ๊ค ไทยแลนด์ เข้าหารือเพื่อขอความร่วมมือเรื่องโพสต์ข้อความหมิ่นฯไปยังสำนักงานใหญ่....คำตอบที่ กสทช. ได้รับก็คือ'ไม่ว่าง'
ถ้าแอพพลิเคชั่นต่างชาติ รุกล้ำเข้ามาหารายได้ในประเทศไทย กินเงินค่าโฆษณาหรือค่าจ้างทำสติ๊กเกอร์ของบริษัทคนไทยไปอย่างมหาศาล แต่กลับมีอภิสิทธิ์ ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฏหมายไทย ... และอ้างแต่คำว่า มีกฏหมายสากล คุ้มครองอยู่ ...แบบนี้ ...มันคงเวลาต้อง 'ทบทวน' และ 'สะสาง'ปัญหานี้ของไทย อย่างจริงจังกันแล้วกระมัง!!...
“คนไม่ดี ใช้ Line กระจายข่าว
คนดีๆ อย่าช่วยป่าว ข่าวขยาย
อย่ายอมเป็น เจ้ากรมข่าว ชั้น Down line
ส่งต่อเพื่อน มากมาย ระบายลือ
กดส่งต่อ ทุกคราว เห็นข่าวล่า
ข่าววงใน ได้มา น่าเชื่อถือ
ส่งให้เพื่อน เร็วฉิว ผ่านนิ้วมือ
เพียงพริบตา ก็กระพือ ไปทั่วแดน
ไยต้องรีบ วุ่นวาย ระบายสี
เป็นเครื่องมือ คนไม่ดี ที่มีแผน
เงินค่าจ้าง ก็ไม่ได้ น่าอายแทน
ข่าวไม่แม่น หลายครั้ง ยังตั้งตา
เป็นเจ้ากรม ข่าว LIE กระจายต่อ
ส่งข่าวลวง ข่าวล่อ ไม่ประสา
ไม่สนใจ ใครหลง ส่งต่อมา
เพียงทำหน้า งงงง ส่งต่อไป”
Cr. พี่คนดี