อย่างที่ทราบกันดีว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศจีน และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก จึงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปดูมีอนาคตสดใส เพราะอินเดียถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการบริโภคสูง
ปัจจุบันคนอินเดียทั้งประเทศรับประทานเนื้อสัตว์ 50% และรับประทานมังสวิรัติอีก 50% แต่ในอนาคตมีแนวโน้มจะหันมาบริโภคเนื้อสัตว์ในสัดส่วนเพิ่มขึ้น จากอดีตมีชาวอินเดียเพียง 30% เท่านั้นที่รับประทานเนื้อสัตว์ และเป็นมังสวิรัติมากถึง 70%
การทำธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในอินเดียจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน โดยปัจจัยที่ต้องพิจารณามี 3 ข้อ ประการแรกชาวอินเดียมีวัฒนธรรมการกินเฉพาะตัว อย่างเครื่องเทศและเครื่องปรุงก็แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ส่วนการทำตลาดจะต้องสร้างแบรนด์อาหารให้ชัดเจน เพราะคนอินเดียส่วนใหญ่ชอบอาหารรสชาติท้องถิ่นมากกว่าอาหารต่างชาติ ประการที่สอง อินเดียมีเขตปกครอง 29 รัฐ และ 7 ดินแดนสหภาพ แต่ละรัฐมีกฎหมายเฉพาะของตัวเองที่แตกต่างจากรัฐบาลกลาง ทำให้เป็นปัญหาและมีประเด็นปลีกย่อยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด โดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติ และเรื่องภาษี หากทำผิดจะมีบทลงโทษแรงมาก เพราะระบบกฎหมายมีพื้นฐานมาจากอังกฤษ ส่วนประการที่สามคือ จะต้องเลือกบุคลากรชาวอินเดียมาทำงานอย่างรอบคอบ เพราะส่วนใหญ่มีข้อจำกัดเรื่องการทำงาน
สำหรับ เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นเอกชนไทยกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปบุกตลาดอินเดียตั้งแต่ปี 2535 เริ่มจากโรงงานผลิตอาหารกุ้งที่เมืองเชนไน ก่อนที่จะขยายไปสู่ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์บกตามเมืองต่างๆ โดยการลงทุนในอินเดียของเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะใช้โมเดลเหมือนกับประเทศอื่นๆ คือ ช่วงแรกจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ก่อน ตามมาด้วยธุรกิจเลี้ยงสัตว์ (Farm) เมื่อมีฐานการผลิตที่เข้มแข็งในประเทศนั้นๆ แล้ว จึงเข้าไปต่อยอดด้วยธุรกิจอาหาร (Food) เพื่อให้ธุรกิจครบทุกซัพพลายเชน จากต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ (From Farm to Table) โดยปัจจุบันฟาร์มเลี้ยงไก่ของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ จัดว่ามีขนาดใหญ่ในอินเดีย เมื่อมีวัตถุดิบเพียงพอแล้ว ซีพีเอฟจึงเข้าไปลงทุนธุรกิจอาหารสำเร็จรูป โดยปี 2555 ได้นำไก่ห้าดาวไปบุกตลาดอินเดีย ในช่วงแรกมีปัญหาในการเจาะตลาด เพราะคนอินเดียนิยมรับประทานไก่ย่างที่เป็นแบรนด์ของผู้ประกอบการท้องถิ่นมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องปรับกลยุทธ์เปลี่ยนไปขายไก่ทอดแทน และได้ปรับสูตรจนเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภคที่เป็นวัยรุ่นอินเดียอย่างมาก เพราะคนอินเดียชอบไก่ทอดกรอบๆ ร้อนๆ และรสเผ็ด โดยไก่ห้าดาวที่ขายในอินเดียมี 3 ชนิดคือ เบอร์เกอร์ไก่ ไม่ม้วน และสแน็คขบเคี้ยว
ปัจจุบันมีร้านไก่ห้าดาวในอินเดียจำนวน 190 สาขา อยู่ในเมืองบังกาลอร์ และเชนไน โดยตั้งเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 250 สาขาภายในปีนี้ และอีก 5,000 จุดในอีก 10 ปีข้างหน้า
ประสบการณ์ทำธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในอินเดียอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ จะต้องพิจารณาเรื่องวัฒนธรรมการกินในแต่ละพื้นที่ของคนอินเดียด้วย หลังพบว่าในพื้นที่ภาคใต้ชอบรับประทานไก่มากกว่าภาคอื่นๆ ส่วนการเปิดร้านค้าทำธุรกิจ ที่ตั้งของสาขาจะต้องอยู่ในเส้นทางคมนาคมเดียวกัน เพื่อลดต้นทุนการขนส่งวัตถุดิบ เพราะอินเดียมีพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งการปรับกลยุทธ์การลงทุนตลอดเวลา ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับการลงทุนในอินเดีย
โดย Mr.Sanjeev Pant รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส CPF (India) Private Limited
|