- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Saturday, 22 October 2016 15:23
- Hits: 6389
ดิจิทัล เวนเจอร์ส เปิดมุมมองสู่ Blockchain เทคโนโลยีแห่งวงการ FinTech ในอนาคต มุ่งเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้คนไทยก้าวทันนวัตกรรมของโลก
ดิจิทัล เวนเจอร์ส ผู้ศึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมธนาคาร เผยมุมมองของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ฟินเทคปฏิวัติโลกการเงินและธุรกรรมออนไลน์ ในฐานะสถาบันการเงินไทยแห่งแรกที่บุกเบิกการลงทุน ศึกษา เพื่อทดลองฟินเทคบนเครือข่าย Blockchain มุ่งพัฒนาและสร้างเสถียรภาพให้กับการโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์ หลังประกาศแผนการลงทุนใน Ripple บริษัทผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการชำระเงินชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลกกำลังตื่นตัวในเทคโนโลยี Blockchain ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการทำธุรกรรมทางการเงินในหลายรูปแบบที่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ ทั้งในแง่ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และการลดค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับองค์กรภาครัฐของไทยที่มีส่วนในการกำกับทิศทางในภาคการเงินการธนาคาร ก็กำลังมุ่งศึกษาการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมนี้ เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลกดังกล่าว อีกทั้งเพื่อผลักดันให้ประเทศพร้อมเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบาย ‘ประเทศไทย 4.0’ ของรัฐบาล”
เมื่อเร็วๆ นี้ ดิจิทัล เวนเจอร์ส จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท Ripple ผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain โดยมีวัตถุประสงค์ในด้านการลงทุน การศึกษา เพื่อทดลองระบบการโอนเงินข้ามประเทศผ่าน Blockchain ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยีนี้มาเชื่อมโยงกับโครงข่ายการทำ Cross Border Payment หรือระบบการโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์ให้เกิดขึ้นจริง ทั้งยังสะท้อนกลยุทธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ในการยกระดับการบริการลูกค้า โอกาสนี้เราจึงมีความยินดีที่จะได้ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain ให้คนไทยมีความพร้อมและความเข้าใจในนวัตกรรมทางการเงินที่น่าจับตามองนี้”
นายสุวิชชาสุดใจ Managing Director, Digital Products บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด อธิบายเกี่ยวกับ Blockchain หรือ DLT (Distributed Ledger Technology) ว่า “หากพูดถึง Blockchain หลายคนจะนึกถึงบริการสกุลเงินดิจิตอล หรือที่เรียกว่า Bitcoin ซึ่งจริงๆ แล้ว Bitcoin เป็นเพียงหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการดำเนินการเท่านั้น โดย Blockchain คือระบบการทำงานบนฐานข้อมูลออนไลน์ประเภทหนึ่งที่ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งยังโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ จากเดิมที่ปัจจุบัน ข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บไว้ที่ใดที่หนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ในขณะที่ Blockchain ใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่อนุญาตให้สมาชิกในระบบทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ทั้งนี้ การอัพเดทข้อมูลจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการตกลงและเห็นชอบร่วมกันระหว่างบุคคลส่วนใหญ่ที่อยู่ในระบบเดียวกันเท่านั้น โดยเมื่อข้อมูลถูกบันทึกลงในระบบแล้ว ข้อมูลนั้นจะไม่สามารถถูกลบทิ้งได้”
Blockchain มีส่วนคล้ายคลึงกับอินเทอร์เน็ตในแง่ของการเก็บข้อมูลเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นระบบที่เอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ โดย Blockchain สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ Private Blockchain และ Public Blockchain ซึ่งหากเปรียบเทียบว่า Public Blockchain คืออินเทอร์เน็ต ในแง่ของการอนุญาตให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลในระบบได้อย่างเท่าเทียมกัน Private Blockchain ก็จะเปรียบเสมือนอินทราเน็ต (Intranet) ที่จำกัดสิทธิ์ให้เฉพาะบุคคลหรือบางหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากทางระบบในการเข้าถึงข้อมูลนี้ได้
“ในปัจจุบัน Blockchain ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ในการโอนเงินข้ามประเทศ เพราะ Blockchain จะช่วยลดทอนขั้นตอนในการโอนเงิน ช่วยเอื้อประโยชน์สำหรับภาคธุรกิจในด้านการลดต้นทุน ในขณะที่ลูกค้าเองก็จะได้ประโยชน์จากการทำธุรกรรมต่างๆ ที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น จากเดิมการโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาหลายวัน ก็เหลือเพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ทั้งยังปลอดภัยขึ้น จึงนับได้ว่า Blockchain จะก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีอันทรงอิทธิผลแห่งอนาคตในอีกไม่ช้า ซึ่งในขณะนี้มีธนาคารชั้นนำทั่วโลกกว่า 50 แห่งที่ได้เข้าร่วมในระบบ Blockchain เพื่อพัฒนาการโอนเงินข้ามประเทศนี้แล้ว อาทิ Standard Chartered, Royal Bank of Canada (RBC), Westpac, National Australia Bank (NAB), Mizuho Financial Group (MHFG), BMO Financial Group และ Shanghai Huarui Bank อย่างไรก็ดี Blockchain อาจต้องอาศัยเวลาในการสร้างการรับรู้และเข้าใจถึงบทบาทและประโยชน์ เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตที่กว่าจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันและมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนในวงกว้างก็ต้องอาศัยเวลากว่า 20 ปี” นายสุวิชชากล่าวปิดท้าย
เกี่ยวกับ ดิจิทัล เวนเจอร์ส (Digital Ventures)
ดิจิทัล เวนเจอร์ส คือบริษัทผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 ตามกลยุทธ์ในการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ของทางธนาคารฯ ดิจิทัล เวนเจอร์ส มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมธนาคารผ่านการลงทุน การค้นคว้านวัตกรรม รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เติบโตร่วมไปกับธนาคารฯ เบื้องต้น ดิจิทัล เวนเจอร์ส มีเงินลงทุนใน Financial Technology จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,760 ล้านบาท ข้อมูลเพิ่มเติม www.dv.co.th
Digital Ventures unveils perspective on blockchain, the quintessential fintech of the future
Creating knowledge sharing session for Thai people to keep up with emerging innovation
Digital Ventures, the financial technology investment arm of Siam Commercial Bank (SCB) with ambition to drive changes in Thai banking industry, unveiled its perspective on blockchain, the disruptive technology in the world of financial services and online transactions. SCB is the first Thai commercial bank to invest in feasibility study in order to test the enterprise-grade blockchain technology with aim to build stable, real-time cross-border money transfer platform as it recently announced direct venture capital investment in Ripple, a US-based leading provider of financial settlement solutions.
Thana Thienachariya, Chairman of the Executive Committee, Digital Ventures said that “Many global banks and financial institutes are currently looking forward to blockchain technology as a promising innovation to enhance service level of financial transactions in various aspects, which benefits consumers in terms of faster services, greater security and better cost-savings. Several Thai financial regulatory authorities are also exploring the viability of this technology in embracing the global trend, as well as driving the country forward in response to Thai government’s Thailand 4.0 policy.”
“We recently partnered with Ripple, a leading developer of blockchain technology, to invest in, conduct feasibility study and test cross-border money transfer system utilizing blockchain. This is a major move in Thai financial industry in adopting technology from world’s leading innovator to build real-time cross-border money transfer platform, while accentuating SCB’s strategy to offer the best customer service quality. Therefore we are keen to take part in promoting the knowledge and understanding on blockchain technology among Thai people in getting ready for this emerging financial innovation”
According to Suvicha Sudchai, Managing Director, Digital Products, Digital Ventures, “Many people understand that blockchain is similar to a digital currency service known as bitcoin. In fact, bitcoin is a kind of product that utilizes blockchain technology. Blockchain, also known as Distribute Ledger Technology (DLT), is a type of online database solution that helps create a faster, more secure and cost-saving transactions, with added level of transparency and traceability. The concept of blockchain data storage is an open membership that allows every node in the network to access, which is contrary to the current practice where database of online transactions is kept in one place or one organization. Its consensus verification protocol allows the network to agree updates to database collectively, and these updates cannot be deleted.”
Blockchain is similar to the Internet in the way that both are data storage systems that allow access to all users or members.Blockchain is generally divided into two main types: public blockchain and private blockchain. In this sense, public blockchain is similar to the Internet that gives equal access to all content for all, while private blockchain is like Intranet that allows data access to only authorized users or organizations.
“Blockchain is currently adopted in various business applications including cross-border money transfer service. The fact that blockchain helps reduce processes in money transfer system benefits the business sector by reducing significant operating costs. Benefits for consumers are faster, more convenient transactions, shortening turnaround time in cross-border money transfer from a few days to just a few minutes, as well as lower service fee and higher security. With these, blockchain is believed to become a highly influential technology in the near future. Currently over 50 top global banks e.g., Standard Chartered, Royal Bank of Canada (RBC), Westpac, National Australia Bank (NAB), Mizuho Financial Group (MHFG), BMO Financial Group and Shanghai Huarui Bank have implemented blockchain technology for their cross-border money transfer system. As with other new technologies, blockchain comes with a learning curve and takes sometime before it becomes widely adopted. We have already seen that it takes over 20 years before the Internet becomes such an integral part of our lives, with so powerful influence that we could not live without,” concluded Suvicha.
About Digital Ventures
Founded in 2016, Digital Ventures, a subsidiary of Siam Commercial Bank, is a company that promotes innovation in financial technology. Following the bank’s strategy to enter digital transformation, Digital Ventures aims to be a part in driving changes in the banking industry through investment, innovation and supporting Thai businesses to grow with SCB. At its inception, Digital Ventures has 50 million USD capital (1,760 million baht) for investment in financial technology. For more information, visit www.dv.co.th.