- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Friday, 26 August 2016 22:44
- Hits: 9201
ตามให้ทันการบริหารเงินในยุคดิจิทัลกับ ME by TMB
เคยนึกสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมเดี๋ยวนี้มนุษย์เงินเดือนถึงได้เก็บเงินยากนักเมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อน ทั้งที่ช่องทางการหาเงิน เคล็ดลับการลงทุนก็มีมากมาย หรือเพราะว่าโลกดิจิทัลทำให้เราเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายขึ้น สิ่งของล่อตาล่อใจอยู่แค่ปลายนิ้ว การใช้จ่ายเงินจึงเป็นเรื่องง่ายดาย และยิ่งมี FinTech เข้ามามีบทบาท นำเสนอโซลูชั่นทางการเงินใหม่ๆ โดยการนำเทคโนโลยีในการทำธุรกรรมทางการเงินมาประยุกต์ใช้ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งการชำระเงินโอนเงิน การกู้ยืมเงิน การระดมทุน และการจัดการทรัพย์สิน ดังนั้นข้อดีของยุคดิจิทัลคือ การมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แค่ปลายนิ้ว แต่สิ่งสำคัญคือ “ตัวเรา” ซึ่งเป็นผู้ใช้ (user) ที่จำเป็นต้องมีการวางแผนการเงินที่ดี ไม่หลงทางไปกับสิ่งยั่วตายั่วใจระหว่างทางนั่นเอง
การวางแผนการเงินก็เหมือนการวางแผนการเดินทาง ตั้งจุดหมายปลายทางว่าจะเดินไปทางไหน มีตัวอย่างของคนที่เงินเดือนสูงลิบแต่ก็ไม่มีเงินเก็บให้เห็นมากมาย เพราะเขาขาดการวางแผนที่ดี ไม่รู้ว่าเงินที่ได้มาควรจะใช้จ่ายอย่างไร เก็บเท่าไร สุดท้ายก็ใช้เงินเดือนชนเดือนอยู่ดี ดังนั้นวิธีการเริ่มต้นบริหารเงินที่เบสิกที่สุดคือแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือ เงินสำหรับรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนที่สองเป็นเงินออม จะนำเงินไปฝากธนาคารหรือลงทุนก็ได้ แต่ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี ทั้งเรื่องดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ความคล่องตัว และผลตอบแทนที่จะได้รับ ส่วนที่สาม คือเงินสำหรับใช้ในแต่ละเดือน แล้วลองมาวางแผนการเงินแบบง่ายๆ ให้ทันยุคดิจิทัลที่คุณเองก็ทำได้
1. ใช้แอพพลิเคชั่นช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่าย
จะเรียกเป็นพื้นฐานของการบริหารจัดการเงินเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย การทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักออมมือใหม่ เพียงแต่ยุคสมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องซื้อสมุดบัญชีรายรับ-รายจ่ายมาคอยจด เพราะมีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยให้การจดบันทึกการเงินเป็นเรื่องง่าย นอกจากจะช่วยให้คุณเห็นภาพการใช้จ่ายของตัวเองชัดเจนขึ้นแล้ว บางแอพฯ ยังแบ่งย่อยเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าช้อปปิ้ง ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ฯลฯ และยังมีฟังก์พิเศษ เช่น Goodbudget สามารถเก็บสถิติยอดค่าใช้จ่ายตามหมวดหมู่ ทำให้คุณรู้ว่าในแต่ละเดือนคุณใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรมากที่สุด หรือ Dollardird มีฟังก์ชั่นแจ้งเตือนบิลของแต่ละเดือน และการวางแผนการเงินระยะยาวไปอีก 5 ปีข้างหน้า และอีกแอพฯ ที่น่าสนใจคือ BillTracker มีฟังก์ชั่นแจ้งเตือนบิลเช่นกันแต่ระบบจะแสดงรายการแบ่งตามหมวดสี แยกให้รู้ว่าบิลไหนจ่ายแล้ว สามารถระบุยอดเงินที่ต้องจ่ายลงได้ด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะเห็นพฤติกรรมการใช้เงินในแต่ละเดือน ซึ่งจะช่วยเตือนสติตนเองให้ควบคุมวินัยการใช้จ่ายให้น้อยลง ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นและช่วยบริหารเงินให้มีระเบียบและชัดเจนมากขึ้น
2. ฉลาดใช้ ฉลาดช้อป
อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในยุคดิจิทัล คือ ช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ช่วยคุณประหยัดเวลาการเดินทาง ค่ารถ ค่าน้ำมัน
บางร้านบริการส่งฟรี และบางครั้งช้อปออน์ไลน์ก็ถูกกว่าไปซื้อที่ร้าน เพราะร้านค้าล้วนต้องทำการตลาดเพื่อดึงลูกค้า บางร้านทำโปรโมชั่นบนเฟสบุ๊ค หรือเวปไซต์ ลองเช็คดีๆ แค่กด like ก็ได้รับส่วนลด หรือรับ Voucher online แล้ว ถ้าร้านไหนมีโปรโมชั่นจ่ายผ่านบัตรเครดิต 0% สั่งของแล้วก็มีคนมาส่งถึงบ้าน เงื่อนไขของบัตรเครดิตบางเจ้าก็ให้สะสมคะแนนเพื่อแลกของ แลกตั๋วเครื่องบิน หรือได้เครดิตเงินคืน รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คุณต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จะใช้บัตรเครดิต ที่สำคัญหาข้อมูลอ่านรีวิวจากลูกค้าประกอบก่อนตัดสินใจซื้อ และเลือกเพจที่น่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัย และอย่าช้อปเพลินจนลืมดูเงินในกระเป๋าตัวเอง
3. บริหารเงินให้งอกเงย
ภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันมีความผันผวนมาก ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน-ทอง-หุ้น-น้ำมัน เราไม่รู้หรอกว่าจะส่งผลกระทบกับเราเมื่อไหร่ ดังนั้นการวางแผนการเงินอย่างฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นประจำ และรู้จักใช้เงินให้เป็นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ต้องบริหารเงินที่เราแบ่งไว้ออมไปทำงานให้งอกเงย
- วางแผนลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน เช่น หุ้น กองทุน ตราสารหนี้ พันธบัตร ทองคำ เป็นต้น หากใครชอบเสี่ยง ก็ไม่ว่ากัน แต่คงต้องดูตัวเราเองด้วยว่าสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน หากคุณไม่เคยลงทุนมาก่อน ก็แนะนำให้ศึกษาการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย และกองทุนที่มีเงินปันผลก็น่าสนใจ หรือไม่ก็กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ความเสี่ยงน้อย สภาพคล่องสูง และสำหรับยุคดิจิทัลแบบนี้หลายธนาคารก็คัดเลือกกองทุนดี ยี่ห้อดัง ตัวท็อปครบในที่เดียว ให้คุณซื้อ-ขายกองทุนผ่านออนไลน์ หรือ แอพพลิเคชั่น แถมบางสถาบันการเงินก็ตั้งกำหนดเวลาเพื่อตัดบัญชีซื้ออัตโนมัติได้ เพิ่มความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว แต่สิ่งสำคัญต้องจำไว้เสมอว่า การลงทุนคือความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจทุกครั้ง และแหล่งหาข้อมูลที่สำคัญอีกอย่างก็คือ บทวิเคราะห์จากนักลงทุนตัวจริงที่หาได้จากโลกโซเชียลที่แชร์กันทั่วไป
- วางแผนประหยัดภาษี กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) การทำประกันชีวิต ช่วยประหยัดภาษีในแต่ละปี ในระยะยาวถือเป็นการลงทุนที่สร้างความมั่นคงในอนาคต เดี๋ยวนี้มีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยคำนวณภาษีได้ด้วย อาทิ iTAX Pro สามารถคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บอกจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือได้รับคืน หรือ TaxCal Thai Lite สามารถคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และยังมีระบบช่วยคำนวณเงินที่ต้องใช้ในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งสามารถใช้ในการวางแผนซื้อกองทุน ประกันชีวิต เพื่อลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายในปีถัดไป ก่อนไตรมาส 4 ก็เตรียมตัววางแผนกันได้แล้วเพื่อให้ทันลดหย่อนปีถัดไป
- วางแผนฝากเงินแบบชาญฉลาด จริงอยู่ที่ว่า การเก็บเงินไว้เฉยๆ อาจเสียโอกาสที่จะเพิ่มการเติบโตของมูลค่าเงิน แต่เดี๋ยวนี้หลายธนาคารมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเงินออมของคุณได้ เพียงเลือกฝากเงินกับบัญชีเงินฝากที่หมาะสม ไม่เสียค่าธรรมเนียม และมีความคล่องตัว ซึ่งปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากแบบดิจิทัลที่ไม่ใช่แค่เพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสาขาแล้ว ยังให้ผลแตบแทนสูงอีกด้วย เช่น บัญชี ME by TMB ซึ่งสามารถทำธุรกรรมฝาก-ถอน เมื่อไรก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเวปไซต์และ ME Call center นอกจากนี้ยังมี แอพพลิเคชั่น ME ที่สามารถเช็คยอด ดูรายการเคลื่อนไหว โอนเงินไปยังบัญชีที่ผูกไว้ และยังเป็นการออมที่สามารถเข้าไปดูดอกเบี้ยสะสมได้ทุกวัน ซึ่งดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป 3-4 เท่า เหมาะเป็นที่พักเงิน สำหรับคนที่อยากเก็บแต่ก็อยากใช้อย่างคนยุคปัจจุบัน
เมื่อยุคดิจิทัลทำให้ทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เราก็ต้องรู้จักนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และมีการวางแผนที่ดี เลือกออม ลงทุน วางแผนลดหย่อนภาษี ใช้เงินทำงานให้งอกเงยแบบยุคดิจิทัลอย่างฉลาด....ยิ่งคุณเริ่มต้นบริหารการเงินเร็วเท่าไร ก็มีโอกาสเพิ่มพูนทรัพย์สินให้กับตัวเอง และทำตามความฝันของคุณได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น