- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Sunday, 14 February 2016 19:10
- Hits: 2324
KBANK เผยเดือนมี.ค. นี้เตรียมหั่นเป้าส่งออกปีนี้ลง จากเดิมคาดการณ์โต 2% หลังศก.ยังชะลอตัว
KBANK เผยเดือนมี.ค. นี้เตรียมหั่นเป้าส่งออกปีนี้ลง จากเดิมคาดการณ์โต 2% หลังศก.ยังชะลอตัว พร้อมคาดเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จะกดดันให้กนง.จำต้องหั่นดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป ประเมินเงินบาทมีโอกาสเห็น 35 บาท/ดอลล์ภายในเดือนก.พ.นี้
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวในงานสัมมนา’ก้าวต่อมาเศรษฐกิจไทย จับทิศทางค่าเงินและอัตราดอกเบี้ย’ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปี 58 โดยธนาคารประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ 3% แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังถึงแม้ว่าภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างไรก็ตามไทยจำเป็นต้องอาศัยตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การลงทุนภาคเอกชนซึ่งน่าจะเกิดขึ้นตามมาหลังจากภาครัฐนำร่องการลงทุนไปแล้ว
ในเดือนมี.ค.นี้ ธนาคารเตรียมทบทวนเป้าหมายตัวเลขส่งออกไทยปีนี้ ลงจากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนทำให้ความต้องการสินค้าไทยลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ และปัญหาเชิงโครงสร้างของไทยที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการแก้ไข การบริโภคภายในประเทศยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ ขณะที่การบริโภคจากคนในประเทศยังได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและภัยแล้ง
สำหรับ ค่าเงินบาทประเมินว่าในเดือน ก.พ.นี้ มีโอกาสแข็งค่าทดสอบ 35 บาท/ดอลลาร์ หลังจากประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อ และกดดันคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ให้หั่นดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามตัวเลข PMI ของจีนในต้นเดือน มี.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สำคัญ โดยหากตัวเลข PMI ออกมาต่ำกว่า 50 ถือว่าเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลจีนออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลง ซึ่งจะกระทบต่อค่าเงินบาทและส่งผลให้การค้าขายไทยกับจีนลดลง
ธนาคารประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไปปี 60 หลังจากล่าสุดนางเจเน็ต เยลเล็น ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด เปิดเผยในที่ประชุมว่ามีโอกาสจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้เกิดแรงเทขายดอลลาร์และส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว
"อยากให้ธปท.ใช้เครื่องมืออัตราแลกเปลี่ยนดูแลดอกเบี้ยจากปัจจุบันใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนปี 97 ที่ตอนนั้นเราขายดอลลาร์ออกมาแล้วซื้อบาท โดยตอนนี้กรอบเงินเฟ้อยังเป็นไปตามเป้าหมายแบงก์ชาติแล้ว จึงอยากให้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนมาดูแลแทน"