- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Saturday, 12 September 2015 09:56
- Hits: 6724
ADB เตรียมหั่นจีดีพีไทยปีนี้ต่ำกว่า 2.9% ส่งออกต่ำกว่า 0% เหตุศก.โลกฟื้นช้า การใช้จ่ายในประเทศชะลอ
ADB เตรียมหั่นจีดีพีไทยปีนี้ต่ำกว่า 2.9% ส่งออกต่ำกว่า 0% เหตุศก.โลกฟื้นช้า การใช้จ่ายในประเทศชะลอ เชื่อมาตรการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย - เอสเอ็มอีของภาครัฐฯ จะหนุนเศรษฐกิจปีหน้าฟื้น มั่นใจธปท.ดูแลค่าบาทเงินได้ ยันไม่ห่วงเกิดสงครามค่าเงิน มองเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้เงินไหลออกระยะสั้น เตือนนลท.รอรับความผันผวน ส่วนจีดีพีไทยปีหน้าคาดโต 4.1% รับแรงขับเคลื่อนการลงทุน - มาตรการกระตุ้นศก.ภาครัฐ
นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชีย สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย หรือ ADB เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 กันยายนนี้ เอดีบีจะปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในประเทศลงต่ำกว่าที่ประมาณการครั้งก่อนที่ 2.9-3% ขณะที่การส่งออกจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ 0% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า ประกอบกับการใช้จ่ายในประเทศยังชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะออกมาตรการ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย และการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรสมเศรษฐกิจอย่างแน่นอน แต่จะเห็นผลที่ชัดเจนที่สุดในปีหน้ามากกว่าปีนี้ เนื่องจากต้องอาศัยระยะเวลาในการส่งผ่านของเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบ
"มาตรการของภาครัฐช่วยฟื้นเศรษฐกิจแน่นอน โดยมองว่ามาตรการผู้ที่มีรายได้น้อยนั้น เม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบได้ปลายปี และเอสเอ็มอีเงินคงเข้าสู่ระบบในปีหน้า ดังนั้นผลต่อจีดีพีคงชัดเจนปีหน้ามากกว่าปีนี้"นางลัษมณ กล่าว
ส่วนกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปนั้น ยืนยันว่า อาจไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน หากภาครัฐมีมาตรการ และนโยบายในการดำเนินเศรษฐกิจที่ชัดเจน เนื่องจากนักลงทุนจะมองการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นหลักว่ามีความต่อเนื่องหรือไม่
นางลัษมณ กล่าวว่า ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น คงไม่สามารถตอบได้ แต่เชื่อว่า หากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เกิดเงินทุนไหลออกในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทยด้วยแน่นอน ดังนั้นนักลงทุนจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นทั้งในตลาดทุนและตลาดเงินในช่วงสั้น
"ความผันผวนหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะจะมีเงินไหลออก แต่คงเป็นระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมีการคาดการณ์อยู่แล้วว่าเฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้"นางลัษมณ กล่าว
ส่วนกรณีที่ค่าเงินบาท รวมถึงค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลงนั้น จะส่งผลให้เกิดสงครามค่าเงินหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า คงไม่มีใครอยากให้เกิดสงครามค่าเงิน แต่แนวโน้มค่าเงินในภูมิภาคมันอ่อนค่าลงในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะสามารถดูแลและบริหารจัดการได้ เนื่องจากมีทุนสำรองที่มีความเข้มแข็ง
นางลัษมณ กล่าวว่า ส่วนในปีหน้า คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ 4.1% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้เกิดการลงทุนและมีเงินเข้าสู่ระบบ รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆด้วย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย