- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Tuesday, 08 September 2015 23:24
- Hits: 9483
ทนง พิทยะ'มองเงินบาทควรอ่อนค่าในช่วง 36-36.50 บ./ดอลล์ ชี้อัตราแลกเปลี่ยนไทยอ่อนไหวต่อเงินทุนระยะสั้นมากเกินไป
'ทนง พิทยะ'มองเงินบาทควรอ่อนค่าในช่วง 36-36.50 บ./ดอลล์ เป็นระดับที่มีดุลยภาพสอดคล้องภาวะแวดล้อม ชี้จะช่วยเรื่องการค้าระหว่างประเทศ- ลดการฟุ่มเฟือยจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ มองอัตราแลกเปลี่ยนไทยอ่อนไหวต่อเงินทุนไหลเข้าออกระยะสั้นมากเกินไป ชี้ตราบใดยังไม่เลือกตั้ง ต่างชาติยังชะลอลงทุนต่อไป
นายทนง พิทยะ อดีต รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปแตะระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว เพราะจะได้ ช่วยเรื่องการค้าระหว่างประเทศ และช่วยทำให้ลดการฟุ่มเฟือยจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศลงได้ จากที่ผ่านมาเงินบาทถือว่าอยู่ในระดับแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า จึงทำให้การ ค้าขายทำได้ลำบาก ในขณะที่ประเทศคู่ค้าอื่นๆ ต่างพยายามทำให้ค่าเงินของประเทศตัวเองอ่อนค่า ลง จึงทำให้ท้ายที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินเริ่มไหลออกและเงินบาทค่อยปรับตัวอ่อนค่าลง ตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมาพร้อมกันนี้ มองว่าจากจุดนี้ไปจนถึงสิ้นปี ค่าเงินบาทในระดับที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วง 36.00-36.50 บาท/ดอลลาร์
"การที่บาทอ่อนไม่ได้เกิดความเลวร้ายกับเรา แต่กลับทำให้เราประหยัด ไม่ไปซื้อของฟุ่มเฟือยจาก ต่างประเทศ และจากนี้เราจะเริ่มค้าขายได้ดีขึ้น ตรงนี้เป็นจุดที่น่าจะดี ตอนนี้ค่าเงินเรายังแข็งอยู่ เล็กน้อยเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า...บาทคงไม่ ไปไกลกว่านี้มาก คงเข้าสู่ดุลยภาพที่ 36.00-36.50 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมถึงช่วงสิ้นปีนี้"นายทนง กล่าว
นายทะนง กล่าวต่อว่า นอกจากเงินบาทจะอ่อนค่าจากสาเหตุที่เงินทุนไหลออกแล้ว ยังมีปัญหาใน เรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ตลอดจนกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมจะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงทำให้เม็ดเงินจากทั่วโลกเริ่มไหลเข้าไปอยู่ในตลาดสหรัฐ รวมทั้ง ตลาดญี่ปุ่น และตลาดยุโรปที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัว ในขณะที่ตลาดเอเชียเองกลับซบเซา
"อยู่ดีๆ เงินไหลออก 2 แสนกว่าล้านบาท แม้การค้าเรายังเป็นบวก คือ นำเข้าน้อยกว่าส่งออก แต่ ตอนนี้เราเจอปัญหาท่องเที่ยวที่ตกลงจากเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คนยังคงต้อง การนำเงินออก" นายทนง กล่าว
พร้อมระบุว่า ปัญหาตลาดเงินของไทยคือ อัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างอ่อนไหวกับการไหลเข้าออกของ เงินทุนระยะสั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะเรายังไม่สามารถดูแลการไหลเข้าออกของเงิน ทุนระยะสั้นได้ ซึ่งการที่เราไม่สามารถกำกับดูแลการไหลเข้าออกของเงินทุนของนักลงทุนต่าง ประเทศได้ จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการที่ค่าเงินจะแกว่งตัว
นายทนง กล่าวว่า การที่นักลงทุนต่างชาติจะนำเงินเข้ามาลงทุนในบ้านเราหรือไม่ ขึ้นกับผลตอบแทน ที่เขาจะได้รับว่าคุ้มค่ากับการจะเข้ามาลงทุนหรือไม่ แต่เมื่อในบ้านเราไม่สามารถสร้างความมั่นใจ ให้แก่นักลงทุนได้ อีกทั้งมีปัจจัยเสี่ยงสูงกว่าที่ควรจะเป็น จึงทำให้ต่างชาตินำเงินออกไปก่อน ดังนั้น ปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้ นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจนำเงินเข้ามา ลงทุนหรือไม่ นอกเหนือไปจากปัจจัยเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ
"ปัจจัยเรื่องความมั่นใจเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นตัวหลัก เศรษฐกิจที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่อง หนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความผันผวนได้คือ ความมั่นใจของนักลงทุน ทั้งเรื่องการเมือง ตั้งแต่เริ่มต้น มาปีกว่า การลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมาลงทุนในไทยเริ่มชะลอ ส่วนการลงทุนระยะสั้น พอสหรัฐเริ่มฟื้น เงินก็เริ่มไหลกลับเข้าไปอีก สิ่งเหล่านี้กระทบเราทั้ง 2 ด้าน ทั้งการลงทุนระยะยาวน้อยลง และ การลงทุนระยะสั้นก็น้อยลงไปด้วย" นายทนง กล่าว
พร้อมระบุว่า หลายประเทศจึงมองว่าตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็เปรียบ เหมือนกับเป็นประเทศที่ยังไม่มีประชาธิปไตย จึงยังทำให้หลายประเทศชะลอการเข้ามาลงทุนไว้ก่อน และรอว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นโรดแมพการทำงานของรัฐบาล รวมถึงการร่าง รัฐธรรมนูญ
"ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีการเลือกตั้ง เขาจะรอก่อน เหมือนกับเป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นทางการ หรือเป็นที่รับรู้กันอยู่กว่า ประเทศใดที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ก็จะยังชะลอการลงทุน ของเก่าก็ไม่ เป็นไร นั่นคือสิ่งที่เขารออยู่ พอเรามีโรดแมพหรือรัฐธรรมนูญที่ยังไม่ชัดเจน เขาก็คงนั่งดูต่อว่า ประเทศไทยจะจบอย่างไร จะเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไร"อดีต รมว.คลัง กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย