- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Friday, 03 July 2015 23:08
- Hits: 4825
หนุนปฏิรูปรสก.ก่อนซ้ำรอยกรีซ
มติชนออนไลน์ : วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
คนร.ห่วงปัญหาซุกใต้พรมก่อวิกฤต ตั้งโฮลดิ้งดูแลปิดทางการเมืองแทรก
คนร.แนะเร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ห่วงปัญหาซุกใต้พรมเกิดวิกฤตเหมือนกรีซ เร่งออกกฎหมายกำกับดูแลเสร็จ ก.ย. ก่อนเสนอ ครม. เข้า สนช. พร้อมตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติหรือโฮลดิ้งดูแลแทนกระทรวงต้นสังกัด ปิดทางการเมืองแทรกแซง ชี้โฮลดิ้งไม่มีอำนาจขายหรือแปรรูป เล็งโอนหุ้น 12 แห่งให้ดูแล
นายบรรยง พงษ์พาณิช กรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.หรือซุปเปอร์บอร์ด) เปิดเผยในงานสัมมนาปฏิรูปรัฐวิสาหกิจแนวทางและความท้าทาย ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ว่า ไทยจำเป็นต้องเร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีความสำคัญมากในการใช้ทรัพยากรของประเทศ รายได้ของรัฐวิสาหกิจในปัจจุบันมีมูลค่าถึง 5.1 ล้านล้านบาท เติบโตจากช่วง 10 ปีที่มีรายได้เพียง 1.5 ล้านล้านบาทหลายเท่าตัว ทั้งนี้รัฐวิสาหกิจไทยมีทรัพย์สินรวมกันถึง 11.8 ล้านล้านบาท แต่มีกำไรรวมกันเพียง 3 แสนล้านบาท ต่ำมากเมื่อเทียบผลตอบแทนกับสินทรัพย์ (อาร์โอเอ) รัฐวิสาหกิจของไทยมีสัดส่วนไม่ถึง 3% ในขณะที่ประเทศจีนที่รัฐวิสาหกิจมีอาร์โอเอลดจาก 8% เหลือ 7% ได้ประกาศปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของจีนครั้งใหญ่
"หากไทยไม่ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในช่วงนี้และปล่อยปัญหาซุกไว้ใต้พรม ต่อไปในอนาคตอาจจะทำให้ไทยมีปัญหาวิกฤตเหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในกรีซได้ โดยเฉพาะการใช้รัฐวิสาหกิจไปดำเนินนโยบายประชานิยมของบรรดานักการเมืองที่ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งเกิดปัญหาขาดทุน บางแห่งเกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) หลายหมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์และรัฐบาลทักษิณพยายามปฏิรูปรัฐวิสาหกิจแต่ไม่เคยทำสำเร็จ"นายบรรยงกล่าว
นายวิรไท สันติประภพ กรรมการ คนร. กล่าวว่า คนร.กำลังเร่งจัดทำกฎหมายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ คาดว่าในช่วงเดือนกันยายนนี้จะสามารถเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งในกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ (โฮลดิ้ง) เพื่อทำหน้าที่ดูแลรัฐวิสาหกิจในลักษณะการบริหารแบบรวมศูนย์ จากขณะนี้ไทยใช้แนวทางการบริหารแบบหน่วยงานที่ปรึกษาที่มีสำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ดูแลอยู่ แต่อำนาจการดูแลรัฐวิสาหกิจยังอยู่ที่กระทรวงต้นสังกัด ทำให้ที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองยังแทรกแซงรัฐวิสาหกิจได้ค่อนข้างมาก
นายวิรไทกล่าวว่า บรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติจะมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% และจะมีกระบวนการในการคัดเลือกกรรมการที่เป็นมืออาชีพ เป็นผู้เชี่ยวชาญ และจะมีกลไกดูไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการบริหารรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในระยะแรกบรรษัทรัฐวิสาหกิจจะรับโอนหุ้นและอำนาจการบริหารของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชน หรือบริษัทจำกัด จำนวน 12 แห่งเข้ามาอยู่ในบรรษัท อาทิ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ส่วนรัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายจัดตั้งเฉพาะ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจยังต้องให้ สคร.ช่วยดูแล ถ้าบรรษัทได้ผลดีอาจจะโอนรัฐวิสาหกิจเข้าไปเพิ่มเติม
นายวิรไทกล่าวว่า บรรษัทรัฐวิสาหกิจมีอำนาจและทำหน้าที่แทนกระทรวงต้นสังกัด ดำเนินการต่อรองงบประมาณ มีอำนาจในการแต่งตั้ง เปลี่ยนแปลงกรรมการรัฐวิสาหกิจ มีอำนาจประเมินผลกรรมการรัฐวิสาหกิจ และมีอำนาจในการพิจารณางบลงทุนรัฐวิสาหกิจ อย่างไรก็ตามนโยบายที่สำคัญ อาทิ กรณีการแปรรูปหรือขายรัฐวิสาหกิจนั้น จะยังเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ คนร.ในการพิจารณา บรรษัทรัฐวิสาหกิจ จะไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
ยกเครื่องรัฐวิสาหกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
แนวหน้า : บิ๊กเกียรตินาคิน แนะรัฐต้องมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ พัฒนาบุคลากร เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ดำเนินการอย่างโปร่งใส ป้องกันการคอร์รัปชั่น เพราะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน-ภัทร กล่าวในงานเสวนา หัวข้อเรื่อง “ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ แนวทางและความท้าทาย”ว่ารัฐวิสาหกิจมีความสำคัญมากในการใช้ทรัพยากรของประเทศเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องมาหันมาให้ความสำคัญในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพและต้องมีการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อให้มีผลในระยะยาว
ทั้งนี้ รายได้ของรัฐวิสาหกิจคิดเป็นกว่า 44% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ในปัจจุบัน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากประมาณ 26% ของจีดีพีเมื่อสิบปีก่อน จากรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ปัจุบันอยู่ที่ 5.1 ล้านล้านบาท
รัฐวิสาหกิจขยายขนาดขึ้นมากในตลอดสิบปีที่ผ่านมา ขนาดเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า ปัจจุบันขนาดสินทรัพย์ถึง 11.8 ล้านล้านบาท จากเดิมเพียง 4.4 ล้านล้านบาท ซึ่งมีขนาดพอๆ กับขนาดของจีดีพีของประเทศ
ปัจจัยสำคัญที่จะต้องมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ สาเหตุหลักก็คือโครงสร้างการกำกับดูแลในปัจจุบัน ทางภาครัฐไม่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้มีการแข่งขันกับเอกชนอย่างเป็นธรรม ทำให้รัฐวิสาหกิจมีกำไรเกินควรแต่ไม่นำมาพัฒนาประสิทธิภาคให้เพิ่มขึ้นมีการดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึงต้นทุนต่อรัฐวิสาหกิจ ทำให้รัฐวิสาหกิจขาดทุน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจะสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ จะต้องมีการวางรากฐานโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพและจะต้องมีการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม เพราะรัฐวิสาหกิจนับเป็นกลไกของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพ
มีการแต่งตั้งกรรมการให้เหมาะสม กวดขันเรื่องบรรษัทภิบาล และทำทุกอย่างให้โปร่งใสตรวจสอบได้เพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจมีช่องทางในการคอร์รัปชั่น หากสามารถดำเนินการได้ จะทำให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพในระยะยาวอย่างยั่งยืน