- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Tuesday, 17 February 2015 12:00
- Hits: 2864
PwC ประเทศไทย (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) หนึ่งในเครือข่ายบริษัทผู้ให้ บริการด้านการตรวจสอบบัญชี บริการให้คำปรึกษาด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิ จรายใหญ่ของโลก เผยผลสำรวจล่าสุด 18th Annual Global CEO Survey: A marketplace without boundaries? Responding to disruption ที่ใช้ในการประชุมสมั ชชาเศรษฐกิจโลก(World Economic Forum: WEF) ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประจำปี2558 ทั้งนี้ ผลสำรวจได้ถูกจัดทำขึ้นระหว่
างเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม 2557 โดยได้สำรวจความคิดเห็นของซีอี โอทั่วโลกจำนวน 1,322รายใน77 ประเทศ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นซีอีโอจากภู มิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 76 รายใน7ประเทศ
ผลจากการสำรวจที่น่าสนใจ ได้แก่
- ผู้นำธุรกิจอาเซียนถึง 49% เชื่อว่าเศรษฐกิจโลก (Global economy) จะดีขึ้นในช่วง 12 เดือนหน้า เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่45% และสูงกว่าความเชื่อมั่นของซีอี
โอโลกโดยเฉลี่ยที่ 37%สาเหตุเพราะซีอีโอในภูมิภาคนี้ มองว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคตัวเอง และเศรษฐกิจในประเทศหลักจะฟื้ นตัว กอปรกับเม็ดเงินลงทุนจากต่ างชาติยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่ อง ขณะที่การขยายตัวของสังคมเมือง และกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่ เพิ่มขึ้น ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่ อนเศรษฐกิจในภูมิภาค - 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ซีอีโออาซี
ยนมองว่ามีผลกระทบต่อการขยายตั วของเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบาย (Economic and policy threats) มากที่สุด ได้แก่ ความวุ่นวายทางการเมือง (Geopolitical uncertainty) การจัดเก็บและผลักภาระภาษีที่ เพิ่มขึ้น(Increasing tax burden)และการออกกฎระเบียบที่เข้ มงวดเกินไป(Over-regulation) - ซีอีโออาเซียนถึง 47% เชื่อว่าในปี 2558 รายได้ของบริษัท(Revenue growth) จะเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา และเกินกว่าครึ่ง(54%) ยังเชื่อมั่นว่าจะเติบโตต่อเนื่
องไปอีก 3 ปีต่อจากนี้ สูงกว่าซีอีโอโลกที่เชื่อมั่ นเพียง39%และ49% ตามลำดับ โดยตลาดสำคัญ 3อันดับแรกที่ซีอีโออาเซียนมองว่ าจะช่วยผลักดันให้รายได้ ของพวกเขาเติบโต ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และอินโดนีเซีย
- อุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ (Business threats) ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ปัญหาการติดสินบนและคอร์รัปชั่น (79%)และการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ (78%) ยังเป็นคงประเด็นที่บรรดาซีอี
โอแสดงความกังวลมากที่สุดในปีนี ้ - ซีอีโออาเซียนเกือบ 60% มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าองค์กรของตนจะขยายหรื
อต่อยอดธุรกิจหลักไปในธุรกิ จใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่ มโอกาสในการทำกำไรและกระจายความ เสี่ยงให้แก่บริษัท โดยการหาพันธมิตร ธุรกิจร่วมทุน (Joint ventures) และความร่วมมือกันทางการค้าในรู ปแบบอื่นๆ จะยังเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนิ นธุรกิจของซีอีโอภูมิภาคนี้ รองจากแผนการลดต้นทุน - ซีอีโออาเซียนกว่าครึ่งระบุว่า ได้มีการนำกลยุทธ์การบริ
หารความหลากหลายของบุคลากร (Diversity and Inclusiveness) มาเป็นยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่ อนองค์กรแล้ว และมีแนวโน้มที่จะนำมาใช้เพิ่ มขึ้นในอนาคต ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่า หากนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ก็จะช่ วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดี ขึ้นในที่สุด - ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่ธุรกิ
จชั้นนำทั่วโลกต่างให้ ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยไทยติดอันดับ 4 ของตลาดที่น่าลงทุนนอกเหนื อไปจากกลุ่มประเทศ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) ในปีนี้ ขยับขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีก่อน ซึ่งมีเวียดนามขึ้นมาแทนที่ ขณะที่อันดับ 1ยังเป็นอินโดนีเซีย รองลงมา ได้แก่ เม็กซิโก โคลัมเบีย ตามลำดับ