- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Sunday, 11 January 2015 23:09
- Hits: 3044
ศก.ซึมต่อ/เอกชนจี้รัฐใช้'เมกะโปรเจกท์'กระตุ้น ค่าบาทจ่ออ่อนแตะ 35 บ.
แนวหน้า : ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ แบงก์ทหารไทย ระบุดอกเบี้ยยังทรงตัวอยู่ที่ 2% ฟันธงตลอดปี’58 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอีก ขณะที่ “นิด้าโพลล์” เผยนักลงทุน กังวลเรื่องการเบิกจ่ายงบภาครัฐช้า คาดหวังการใช้เงินลงทุนระบบขนส่งทางราง และระบบบริหารจัดการน้ำ ที่จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย จำกัดมหาชน เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศ(GDP) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาถึงปีนี้มีอัตราการขยายตัวอย่างช้าๆ สาเหตุจากเศรษฐกิจไทยไม่ค่อยสดใส อัตราการเบิกจ่ายการใช้จ่ายของทางภาครัฐค่อนข้างล่าช้า และเงินทุนหมุนเวียนมีการปรับตัวไม่มากนัก คาดว่าเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ประมาณ 3-4% ในปี 2558 นี้
ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปี 2558 น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2% อาจไม่ปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ก่อนที่จะขยับตัวขึ้นในปีหน้า ส่วนในด้านดอกเบี้ยระยะยาวน่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นประมาณช่วงกลางปีถึงปลายปี ตามทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ
ทั้งนี้ ในด้านของค่าเงินบาทในปีนี้มีแน้วโน้มอ่อนค่าลงจากปีก่อน อยู่ที่ประมาณ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่คงตกต่ำ และอาจมีการผันผวนค่อนข้างมากในช่วงที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
“ส่วนตัวมองว่าภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างท่อให้เข้าสู่ระบบโดยเร็ว ขณะที่มาตรการช่วยเหลือราคาสินค้าเกษตรนั้นรัฐอาจต้องปล่อยไปตามกลไกของตลาดโลกที่ราคาสินค้าเกษตรเป็นช่วงขาลง เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว” นายเบญจรงค์กล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพลล์” เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่า ในเดือนม.ค. 2558 มีค่าดัชนีเท่ากับ 88.27 ปรับตัวลดลงร้อยละ 35.06 จากเดือนที่ผ่านมาที่ดัชนีเท่ากับ 119.22 ดัชนีมีแนวโน้มทรงตัว ค่อนข้างซบเซา
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบดัชนีรายกลุ่มนักลงทุน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงเกือบทุกกลุ่มนักลงทุน โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนสถาบันต่างประเทศมองตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มซบเซา ส่วนกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์คาดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า ตลาดทุนไทยมีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่อนข้างซบเซา
“การสำรวจดัชนีฯ ครั้งนี้สำรวจเมื่อกลางเดือนธ.ค. 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นไทยตกลงมาก ทำให้ดัชนีฯ ลดลงค่อนข้างมาก โดยประเมินว่ามาจากอารมณ์ของนักลงทุน”นางวรวรรณ กล่าว
โดยนักลงทุนมองว่าอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนมากที่สุด คือ หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขณะที่อุตสาหกรรมที่ไม่น่าลงทุนมากที่สุด คือ หมวดทรัพยากร ด้านปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ได้แก่ สถานการณ์ต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก รองลงมา คือ เศรษฐกิจในประเทศและนโยบายด้านเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่นักลงทุนมองว่ายังมีผลต่อตลาด คือ ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาก นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางยุโรป การเพิ่มเม็ดเงินข้าสู่ระบบของญี่ปุ่น ภาวะหนี้สินภาคครัวเรือน สภาพคล่องในประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวจะอยู่ที่ร้อยละ 3-3.5 โดยมีการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก และยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องการเบิกจ่ายของภาครัฐที่ล่าช้า จึงคาดหวังให้รัฐบาลเร่งการลงทุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกท์ ระบบขนส่งทางราง และระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2558 ขณะที่เครื่องยนต์ตัวอื่น เช่น การบริโภค การส่งออก และการท่องเที่ยว รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชนยังอยู่ในภาวะฟื้นตัวช้า