- Details
- Category: บทความการเงิน
- Created: Thursday, 09 October 2014 21:40
- Hits: 3877
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาด ศก.ปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 4% มองเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32-32.65 บาท/ดอลล์
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาด ศก.ปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 4% มองเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32-32.65 บาท/ดอลล์ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1-1.25% ภายในช่วงครึ่งหลังปี 58
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิจัย สายงานตลาดเงินและตลาดทุน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ SCBT เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจีดีพีไตรมาส 3 จะเติบโตที่ 2-3% และไตรมาส4 เติบโต 4% ส่วนในปี 2558 หลายสำนักมองว่า จีดีพีจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน
"ถ้าให้เปรียบเศรษฐกิจไทยเหมือนรถที่ไตรมาสแรกวิ่งถอยหลัง ไตรมาส 2 เริ่มหยุดนิ่ง และไตรมาส 3 เริ่มเคลื่อนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดที่แย่มาแล้ว" นางสาวอุสรา กล่าว
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศที่มีความแตกต่างกัน โดยสหรัฐเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยุโรปมีความจำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบค่อนข้างมากหลังจากนี้เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาของยูเครน และรัสเซียส่วนญี่ปุ่นเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลดน้อยล ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายทางการเงินของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน
ส่วนค่าเงินบาทในปีนี้จะไม่อ่อนค่าไปมากกว่า 33 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองว่าค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.65 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าจนอิ่มตัวแล้ว รวมถึงการแถลงล่าสุดว่าสหรัฐเป็นห่วงการฟื้นตัวในยุโรป ส่งผลให้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"ค่าเงินบาทค่อนข้างมีเสถียรภาพ จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเร็วมาก แต่เงินบาทเมื่อเทียบกับภูมิภาค ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากนี้เรามองว่าค่าบาทคงไม่ได้อ่อนค่ามากกว่านี้แน่นอน" นางสาวอุสรา กล่าว
นางสาวอุสรา กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0-0.25% เป็น 1-1.25% ต่อปี
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือคิวอี 3 รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดโลกน้อยมาก เนื่องจากเงินลงทุนที่จะไหลกลับเข้าสหรัฐ มีส่วนที่ครบดีลในปีหน้าค่อนข้างน้อย ประกอบกับมองว่ายุโรปจะอัดฉีดเงินเข้าระบบโดยการซื้อสินทรัพย์จำนวนมหาศาล ขณะที่ญี่ปุ่นจะมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบจำนวนหนึ่ง เพื่อดูแลความผันผวนของเงินเยน และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จีนอาจจะเริ่มทำมินิคิวอีออกมา
"มองว่าหลังเลิกคิวอีสหรัฐ ดอกเบี้ยสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น เชื่อว่าเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจโลกน้อยมาก เพราะหลายประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่นจะมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบรวมกันจำนวนมหาศาลมาก ทำให้มีเงินเข้ามาชดเชยในส่วนที่หายไป ขณะที่เงินที่ไหลกลับเข้ากระเป๋าสหรัฐที่เคยลงทุนแล้วครบดีลยังน้อยมาก"นางสาวอุสรา กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย