- Details
- Category: วิเคราะห์-เศรษฐกิจ
- Published: Friday, 17 April 2015 22:30
- Hits: 2161
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า สศช.คาดว่า GDP ของไทยในช่วงไตรมาส 1/58 จะโตได้ 3% เป็นผลจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีรายงานข้อมูลนักท่องเที่ยวช่วงวันที่ 1 ม.ค.-15 เม.ย.58 เพิ่มขึ้น 26% บวกกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่สามารถส่งออกได้มากขึ้น
"ดุลการค้าและดุลบริการไทยดีขึ้น มีเงินทุนไหลเข้ามา ทำให้ดุลการชำระเงินเป็นบวกอยู่ที่ 3,000 ล้านเหรียญฯ ทำให้ฐานะต่างประเทศเรายังดีอยู่ แต่แม้ว่าเราจะมีเกินดุลบัญชีเดินสะพัด อาจจะทำให้บาทแข็งขึ้น แต่เชื่อว่า ธปท.จะดูแลไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาค SMEs" นายอาคม กล่าว
แม้ภาคการส่งออกที่ถือเป็นรายได้หลักของประเทศซึ่งมีสัดส่วน 70% ยังอยู่ในสภาวะอ่อนตัวจากเศรษฐกิจโลก แต่ยังประเมินว่าส่งออกทั้งปีจะอยู่ที่ 3.5% ส่วนภาคการส่งออกจะเห็นสัญญาณบวกได้เมื่อไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตรว่าจะส่งออกได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงตลาดอย่างสหรัฐ ยุโรป มีการปรับตัวดีขึ้นมากกว่าเดิมหรือไม่
"แม้ส่งออกยังไม่ฟื้นตัวแต่ได้รับการชดเชยจากการท่องเที่ยว รวมถึงเราสามารถประหยัดเงินราคาน้ำมัน ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจสามารถโตได้ต่อเนื่อง รวมไปถึงรายได้การจัดเก็บภาษีภาครัฐเพิ่มจากปีที่แล้ว แม้ว่าจะต่ำกว่าประมาณการก็ตาม โดย 5 เดือนแรกอยู่ที่ 0.9% แต่ถ้านับ ม.ค.-ก.พ.อยู่ที่ 1.1% เทียบกับช่วงเดียวกัน โดยมาจากรายได้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อยู่ที่ 0.5% จะส่งผลดีให้การบริโภคในประเทศมากขึ้น ส่วนการประเมิน GDP ยังคงเป้าเดิม" นายอาคม กล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยใช้ข้อมูลตัวเลขจากทางการ และสอบถามจากหอการค้าทั่วประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน แต่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าไตรมาสแรกการท่องเที่ยวเติบโตค่อนข้างดี โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซีย และในช่วงที่เหลือของปี 2558 คาดว่าภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทย แต่หลังจากที่ผ่านไตรมาสแรกปี 2558 ทางหอการค้าไทยได้ทำการทบทวนการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ซ้ำใหม่อีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2558 จะขยายตัวร้อยละ 3.2 ลดลงจากเดิมที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4 เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้ากว่าที่คาด ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะช่วยทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้นได้ รวมทั้งรัฐบาลยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น
ตามไปด้วย ขณะที่อัตราการขยายตัวของการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.4 หรืออยู่ในช่วงร้อยละ 0-1 ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 0.5 หรืออยู่ในช่วงร้อยละ 03-0.8
เมื่อประเมินผลภาพรวมของรัฐบาล 6 เดือน ด้านการเมืองได้คะแนนความพอใจ 8.7 คะแนน ผลการดำเนินงาน 5.2, ด้านสังคม ได้คะแนนความพอใจ 8.2 คะแนน ผลการดำเนินงานได้ 4.8 ขณะที่คะแนนความพอใจด้านเศรษฐกิจได้ 8.1 ส่วนคะแนนผลการดำเนินงานได้ไป 4.5
สำหรับ ข้อเสนอแนะ ได้แก่ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็ว เร่งเบิกจ่ายงบประมาณโดยเร็ว ต้องการให้กระตุ้น ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ช่วยเหลือภาคการส่งออก เช่น หาตลาดที่มีกำลังซื้อใหม่ๆ ตลอดจนมาตรการทางการเงินสนับสนุน ช่วยเหลือภาคการเกษตรโดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรเพื่อให้ประชาชนฐานรากมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
ส่วนสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการมากที่สุด คือ สร้างรายได้ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ, สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน, สร้างบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศ, กระตุ้นการท่องเที่ยว, ลดปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ, ดูแลปัญหาการส่งออกและราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ตัวเลขที่หอการค้าไทยประเมินจะเป็นทิศทางดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะต้องเร่งกระตุ้นการเบิกจ่ายงบประมาณทุกโครงการให้เห็นเป็นรูปธรรม การดูแลภาคการส่งออก โดยจะต้องรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่แนวโน้มอ่อนค่าลงในปัจจุบัน ยอมรับหากส่งออกผลักดันให้เกิน 19,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะกระตุ้นทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้เกินกว่าเป้าหมายที่หอฯ ประเมินใหม่ครั้งนี้