- Details
- Category: วิเคราะห์-เศรษฐกิจ
- Published: Thursday, 16 April 2015 18:25
- Hits: 2513
เศรษฐกิจฟุบยาว-กำลังซื้อถอยหนัก'มาร์ค'สอนมวย'บิ๊กตู่'เกาให้ถูกที่คัน
บ้านเมือง : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจปีนี้มีปัญหาว่า เป็นเรื่องที่ตนสะท้อนมาตลอดว่ามีปัญหาจริงๆ และมองไม่เห็นว่าการที่จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นจะมาจากทางไหน ซึ่งเท่าที่ตนคุยกับคนทำธุรกิจก็ยืนยันว่าปัญหาหนักกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีปัญหากำลังซื้อคนในประเทศหายไป และการบริหารของรัฐบาลในการวางนโยบายหลายอย่างไม่สอดคล้องกัน เช่น นโยบายพลังงาน หรือการส่งสัญญาณเรื่องภาษีที่ทำให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนหายไป ซึ่งควรทบทวนว่าที่ผ่านมาท่าทีของรัฐบาลมีส่วนทำให้เกิดปัญหาแค่ไหนและจะแก้ปัญหาอย่างไร ผมสังเกตว่าแนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจมักคิดในกรอบเดิมๆ ซึ่งในยุคปัจจุบันได้ผลน้อยมาก เช่น คิดว่าจะใช้งบประมาณภาครัฐเข้าไปกระตุ้นด้วยการทำโครงการ ทั้งที่เงินเหล่านั้นออกช้าและหมุนเวียนอยู่ในคนไม่กี่คน อยากให้คิดว่าถ้าพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจควรทำโครงการที่เกิดความหมุนเวียนเร็วขึ้น เช่น เรื่องการท่องเที่ยวก็ทำให้คนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการจ้างคนในชุมชน จะทำให้มีการกระจายรายได้และมีกำลังซื้อกลับไปที่ประชาชนทันที แตกต่างจากการทำโครงสร้างพื้นฐานที่ผู้รับเหมาได้ประโยชน์ แต่ต้องเป็นโครงการที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมจริงๆ
นอกจากนี้ ปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซาเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อยังเกิดจากปัญหาจำนำข้าว ที่เป็นภาระด้านการเงินและรัฐบาลยังไม่สามารถหารายได้ทดแทนให้กับเกษตรกรได้ ซึ่งความจริงถ้าไม่มีการรัฐประหารแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารงานต่อ ถึงจุดหนึ่งก็ต้องยุติโครงการจำนำข้าว ทำต่อไม่ได้เพราะไม่มีงบประมาณเพียงพอ สิ่งที่เสียดายคือหากปล่อยให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศต่อไป โครงการนี้จะพังในมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และประชาชนจะได้เรียนรู้ถึงพิษภัยของประชานิยมด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจต่อการเลือกตั้งในอนาคต แต่พอมีการรัฐประหาร ตอนนี้ชาวนาลืมปัญหาจำนำข้าวแล้วมีการวิจัยพบว่า ต้องการโครงการจำนำข้าวกลับมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะเท่ากับเราวนอยู่กับปัญหาเดิม เนื่องจากไม่มีการให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเสนอให้ยกเลิกการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เคยมีมติไว้เพื่อกลับไปล็อกโควตานำเข้าเหมือนเดิมจนเกิดปัญหาการผูกขาดว่า ข้อมูลที่ให้เกี่ยวกับราคาไข่ไก่สับสนมาโดยตลอด บางช่วงราคาลดลงก็จะโทษว่าเพราะเปิดเสรี ทั้งที่ช่วงเวลานั้นยังไม่มีการนำเข้าเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ล้มเสรีราคาไข่ไก่ก็กลับเพิ่มสูงขึ้นได้ จึงอยากให้รัฐบาลเอาใจใส่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนความเป็นจริงของตลาดหรือมีความพยายามที่จะชี้นำตลาดโดยการผูกขาดของคนกลุ่มหนึ่งและเอ้กบอร์ดต้องโปร่งใสว่าไม่มีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบโต้เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเป็นเครื่องชี้วัดความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเองว่าคลี่คลายปัญหาได้ดีมากน้อยแค่ไหน
'มาร์ค'จี้ทวนนโยบายกระตุ้นศก. เน้นจ้างงานคนในท้องถิ่นแทน
แนวหน้า : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า กรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหานั้น เป็นเรื่องที่ตนสะท้อนมาตลอดว่ามีปัญหาจริง ๆ และมองไม่เห็นว่าการที่จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นจะมาจากทางไหน ซึ่งเท่าที่ตนคุยกับคนทำธุรกิจก็ยืนยันว่าปัญหาหนักกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีปัญหากำลังซื้อคนในประเทศหายไป เนื่องจากการบริหารของรัฐบาลในการวางนโยบายหลายอย่างไม่สอดคล้องกัน เช่น นโยบายพลังงาน หรือการส่งสัญญาณเรื่องภาษีที่ทำให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนหายไป ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระบุว่า มีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์นั้น ตนไม่ขอตอบโต้เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเป็นเครื่องชี้วัดความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเองว่าคลี่คลายปัญหาได้ดีเพียงใด
“ตอนนี้ควรทบทวนว่าที่ผ่านมาท่าทีของรัฐบาลมีส่วนทำให้เกิดปัญหาแค่ไหนและจะแก้ปัญหาอย่างไร ผมสังเกตว่าแนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจมักคิดในกรอบเดิม ๆ ซึ่งในยุคปัจจุบันได้ผลน้อยมาก เช่น คิดว่าจะใช้งบประมาณภาครัฐเข้าไปกระตุ้นด้วยการทำโครงการ ทั้งที่เงินเหล่านั้นออกช้าและหมุนเวียนอยู่ในคนไม่กี่คน อยากให้คิดว่าถ้าพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจควรทำโครงการที่เกิดความหมุนเวียนเร็วขึ้น เช่น เรื่องการท่องเที่ยวก็ทำให้คนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการจ้างคนในชุมชนจะทำให้มีการกระจายรายได้และมีกำลังซื้อกลับไปที่ประชาชนทันที แตกต่างจากการทำโครงสร้างพื้นฐานที่ผู้รับเหมาได้ประโยชน์ แต่ต้องเป็นโครงการที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมจริง ๆ ซึ่งการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มาก ผลที่ตอบแทนมาจะสอดคล้องในเรื่องการหารายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซาเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อนั้น ยังเกิดจากปัญหาจำนำข้าวที่เป็นภาระด้านการเงินและรัฐบาลยังไม่สามารถหารายได้ทดแทนให้กับเกษตรกรได้ ซึ่งความจริงถ้าไม่มีการรัฐประหารแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารงานต่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องยุติโครงการจำนำข้าวทำต่อไม่ได้เพราะไม่มีงบประมาณเพียงพอ สิ่งที่เสียดายคือหากปล่อยให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศต่อไป โครงการนี้จะพังในมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และประชาชนจะได้เรียนรู้ถึงพิษภัยของประชานิยมด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจต่อการเลือกตั้งในอนาคต แต่พอมีการรัฐประหารตอนนี้ชาวนาลืมปัญหาจำนำข้าวแล้วมีการวิจัยพบว่า ต้องการโครงการจำนำข้าวกลับมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะเท่ากับว่ายังวนอยู่กับปัญหาเดิม เนื่องจากไม่มีการให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
พท.ย้อน'มาร์ค'โอดศก.ไทยพัง ถาม!ใครเป่านกหวีดเรียกทหาร
แนวหน้า : นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ ห่วงเศรษฐกิจฟุบยาว กำลังซื้อภายในประเทศถดถอย เสียดาย รัฐประหาร ทำ ประชาชนลืมพิษประชานิยม เริ่มเรียกร้อง จำนำข้าว อีกรอบ ว่า นายอภิสิทธิ์ กำลังพยายามทำให้ประชาชนสับสน และทำให้ประชาชนลืมว่า แกนนำพรรคไหน ที่พากันไปเป่านกหวีด เรียกทหารมาทำรัฐประหาร จนเศรษฐกิจเสียหายหนัก ถึงขั้นที่ นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้หนักกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า ถ้าโครงการจำนำข้าวอยู่ เกษตรกรก็จะยังคงมีรายได้ เม็ดเงินก็จะไหลเข้าสู่ระบบ ประชาชนมีกำลังซื้อ เพราะโครงการรับจำนำข้าวเหมือนการทำ QE อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบ ส่วนที่จำนำข้าวไปต่อไม่ได้ เพราะมีพวกนกหวีดไปเป่าข่มขู่สถาบันการเงินในโครงการ ปิดเมือง ชัตดาวน์ประเทศ จนนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องไม่ลืมว่า ใครไปเรียกทหารออกมา ดังนั้น หากผู้มีอำนาจจะอยู่ยาว 3 ปี หรืออีกหลายๆ ปี ก็เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ ต้องอธิบายกับประชาชนเอาเอง และต้องคิดว่า ทำไม ในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งออกติดลบ การลงทุนภาครัฐเกิดน้อย ความเชื่อมั่นเอกชนถดถอย ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ การจ้างงานภาคเกษตรติดลบ เกษตรกรไม่คิดถึงโครงการประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับเรียกร้องโครงการจำนำข้าว ของพรรคเพื่อไทยแทน ลองกลับไปทบทวนตัวเองให้ดี ไม่ใช่พอมีความหวังว่าจะได้เลือกตั้ง ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หาคะแนนเพิ่มให้ตัวเอง ลดคะแนนพรรคคู่แข่ง แย่งบทพระเอก ต้านรัฐประหาร ทั้งที่พรรคพวกตัวเองไปเรียกเขาออกมาเอง
'พิชัย'เตือนเศรษฐกิจทรุดลงอีก เสนอ 8 แนวทางเอาไปใช้แก้ไข
แนวหน้า : นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ในเทศกาลสงกรานต์นี้ ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข และอยากเห็นเศรษฐกิจฟื้นตามที่รัฐบาลพยายามจะบอก แต่จากข้อมูลทุกด้านพบว่าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่จะแย่ลงไปกว่านี้ ทั้งๆที่ปัจจุบันก็แย่มากอยู่แล้ว การที่นายสมหมาย ภาษี รมว. คลัง ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นโดยวัดจากการเก็บภาษีได้มากขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกเหมือนอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบแดร๊คคูล่าร์ ที่คิดแต่เรื่องภาษีและการสูบเงินออกจากระบบ แทนที่จะต้องเพิ่มเงินในกระเป๋าคน และยิ่งนายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช รมว. อุตสาหกรรม ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่และกำลังฟื้น แต่ที่แย่เพราะคนปล่อยข่าว ยิ่งไปกันใหญ่ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ติดตามภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงเลย การที่ยังคงมองภาวะเศรษฐกิจที่ผิดพลาดนี้จะทำให้ออกนโยบายที่ผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา และผู้ที่ปล่อยข่าวจริงคือ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ที่ออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจแย่ และพึ่งจะเป็นห่วงการส่งออกที่ลดลงอย่างมาก ทั้งๆที่ตนได้เตือนไว้นานแล้ว อีกทั้งยังเข้าใจผิดว่าการส่งออกที่ลดลงมาจากค่าแรง 300 บาท แสดงว่าไม่เข้าใจหลักคิดทางเศรษฐกิจเลย ประเทศไทยมีการจ้างงานเกือบ 100% แล้ว ดังนั้นจึงต้องก้าวขึ้นสู่อุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้นเพื่อ ให้ได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น และสามารถจ้างงานในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อให้แรงงานมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่การลงทุนดังกล่าวต้องหยุดชะงักจากภาวะการเมืองในปัจจุบัน และหลายอุตสาหกรรมจ่ายค่าแรงสูงกว่า 300 บาทอยู่แล้ว รัฐบาล ต้องชักจูงให้มีอุตสาหกรรมแบบนี้ให้มากขึ้น และหากปัจจุบันแรงงานไม่ได้ 300 บาท ก็จะไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่น้ำมันราคาถูกแต่ข้าวของกลับแพงขึ้น
นายพิชัย กล่าวต่อว่า เพื่อชะลอไม่ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ไปกว่านี้ จึงอยากขอเสนอ 8 แนวทางดังนี้
1) เร่งการช่วยเหลือ ประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเกษตรกร โดยหามาตรการเสริมที่จะสร้างรายได้ที่ถาวร ไม่ใช่จะแจกเงินอย่างเดียว
2) หามาตรการให้ธุรกิจ SME สามารถกลับมาสร้างรายได้ การช่วยเหลือที่ผ่านมา ทำได้แค่เพียงยืดเวลาการปิดกิจการเท่านั้น
3) ปรับปรุงระบบการส่ง เสริมการลงทุน เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่เป็นอนาคตของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้เป็นที่น่าสนใจของต่างชาติอีก แล้ว และเร่งให้มีการลงทุนอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงแค่ขอทิ้งไว้
4) ยกเลิกกฏหมายที่ไม่เป็นสากลทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน
5) เร่งการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าเลย
6) รัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่าง ขึ้นจะต้องเป็นสากลเป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่เขียนรัฐธรรมนูญแบบต้องการให้ได้ผลที่คาดไว้ล่วงหน้า
7) ในเมื่อรัฐบาลยืนยันโรดแมป ก็สมควรที่จะกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะแก้ปัญหาการส่งออก การลงทุน และ การท่องเที่ยวได้
8) เปิดเสรีภาพให้ประชาชน ในการคิดและการแสดงออกเพื่อนำแนวคิดมาปรับปรุงประเทศให้ก้าวหน้า ไปได้ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นด้วย