WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

IAAสมบัติ

นักวิเคราะห์เล็งวัคซีนในไทยคืบหน้า บวกกับเศรษฐกิจโลกฟื้น

คาด SET Index สิ้นปีนี้ 1648 ส่วนปีหน้า 1754

          นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 27 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 สรุปได้ดังนี้

          นักวิเคราะห์ลดสมมติฐานหลัก ด้านการขยายตัวของ GDP ไทยปี 2564 เฉลี่ยเหลือ 0.68% เทียบกับการสำรวจเมื่อกลางปีที่ 2.11% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าปี 2565 จะเติบโตที่ 3.67% ขณะที่เพิ่มสมมุติฐาน ด้านราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นเป็น 68.54 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ในครั้งก่อนใช้ตัวเลขเพียง 64.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

          ทิศทางการลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้ จะได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ แนวโน้มความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนในไทย มีผู้โหวตท่วมท้น 96% ตามมาด้วย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มีผู้โหวตสูงถึง 70%

          ส่วนปัจจัยด้านลบ มาจาก ท่าทีการเตรียมลดมาตรการ QE ทั่วโลก มีผู้โหวต 92% และ ตามติดมาด้วย ปัจจัยการเมืองในประเทศด้วยเสียงโหวต 85% แถมด้วย แนวโน้มการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯเร็วขึ้นกว่าคาดเดิม มีเสียงโหวต 63%

          ผลสรุปยังคาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปีนี้ และปีหน้า

          ส่วนทางด้านผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปี 2564 เฉลี่ยที่ 82.08 บาทต่อหุ้น เป็นการเติบโต 69.50% จากปีก่อน และตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ สูงขึ้นกว่าการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 80.87 บาทต่อหุ้น ขณะที่ ข่าวดีอยู่ที่ปี 2565 ที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มเป็น 92.49 บาทต่อหุ้น เติบโต 12.73%

          ทางด้าน คาดการณ์ SET Index ในช่วงไตรมาส 4 ของปี จะแกว่งตัวในกรอบ 1565 ถึง 1675 จุด และคาดว่าจะปิดสิ้นปีที่ 1648 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2565 จะปิดที่ 1754 จุด

          นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น

          • เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 12.20%

          • กองทุนตราสารหนี้ 16.80%

          • หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 28.80%

          • หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 25.88%

          • กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 8.04%

          • ทองคำหรือกองทุนทองคำ 5.96%

          • อื่นๆ 2.32%

          สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยในไตรมาสที่ 4 นั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจ พาณิชย์ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจพลังงาน โรงพยาบาล และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

          รายชื่อหุ้นเด่นที่แนะนำ คือ AOT BEM CPALL KBANK

          ส่วนหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง คือ หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางบริษัทที่เคยวิ่งขึ้นกว่า 1,000% ในปีก่อน

          ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไปยังรัฐบาล ได้แก่ การเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการเปิดเมือง การช่วยเหลือภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และ สนับสนุนการผู้ประกอบการรายย่อย SMEs การให้สินเชื่อพิเศษ นอกจากนั้น ควรมีนโยบายให้การช่วยเหลือประชาชน พร้อมเป็นการกระตุ้นการจับจ่าย โดยให้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ รวมทั้งการให้สิทธิภาษีสนับสนุนการลงทุนใน LTF

 

A10072

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!