- Details
- Category: วิเคราะห์-เศรษฐกิจ
- Published: Tuesday, 20 May 2014 18:42
- Hits: 3923
สศค.มองกฎอัยการศึกช่วยหาทางออกประเทศ เชื่อปัญหาจบภายในสิ้นเดือนนี้ หนุนจีดีพี Q2 ไม่ติดลบ แต่หากการเมืองยืดเยื้อ ปท.โดนหั่นอันดับเครดิตแน่นอน
นายสมชัย สัจจกุล ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจกระทรวงคลัง (สศค.)เปิดเผยกับ'สำนักข่าวอีไฟแนนช์ไทย'กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกประกาศใช้กฎอัยการศึก ว่า ถือเป็นการช่วยหาทางออกให้กับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่อย่างก็ตามจะต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะออกมาในทิศทางที่ทหารได้มองไว้หรือไม่ ทั้งในกรณีที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนกลางหรือจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งภายในสิ้นเดือนนี้คาดว่าจะได้ความชัดเจน
"การที่ทหารออกมาแบบนี้ก็มองว่าจะเป็นการช่วยหาทางออกให้กับประเทศได้ และจะต้องฟันธงได้ว่าจะเลือกนายกคนกลางหรือ เดินหน้าเลือกตั้งคาดว่าในสิ้นเดือนนี้จะชัดเจน"นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ นายสมชัย ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะไม่ติดลบและอาจจะเติบโตในด้านบวกเล็กน้อยเพราะฐานในปีที่แล้วไม่สูงมาก
นอกจากนี้ มองว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่จะปรับถูกบริษัทจัดอันดับเครดิต ปรับลดอันดับเครดิต หากสถานการณ์ทางเมืองยังไม่สงบได้ภายในเร็วๆ นี้ เบื้องต้น บริษัท ฟิทเรตติ้ง อาจจะปรับได้ภายในปลายปีนี้และส่วน บริษัทมูดีส์ และบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ( S&P) อาจจะปรับมุมมองเครดิตไทยในในช่วงต้นปีหน้า
"มีโอกาสอยู่แล้วถ้าการเมืองไม่จบภายในเร็วๆนี้ ซึ่งฟิทเรตติ้งก็จะปรับลดก่อน แล้วช่วงปลายปีทั้งมูดี้ส์และเอสแอนพี ก็จะปรับลดคาดการณ์ลงและต้นปีหน้า มูดี้ส์และเอสแอนด์พีก็จะปรับเครดิตลง" นายสมชัย กล่าว
นายกสมาคมบลจ. มองหุ้นไทยเสี่ยงถูกต่างชาติขายทำกำไร หลังทหารประกาศกฎอัยการศึก เตือนลงทุนด้วยสติ อย่าเชื่อข่าวลือ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง เปิดเผยกับ 'สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย' ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีโอกาสถูกขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ หลังมีการประกาศกฎอัยการศึก เนื่องจากกองทุนต่างประเทศบางกองมีกฎเกณฑ์ภายใน ไม่ลงทุนในประเทศที่มีการใช้กฎในลักษณะนี้ ในขณะที่กองทุนของไทยไม่มีกฎเกณฑ์ดังกล่าว แต่ก็อาจมีแรงกดดันด้านจิตวิทยาในระยะสั้น
"มีความเป็นไปได้ว่าหุ้นไทยอาจถูกต่างชาติขายทำกำไร เพราะหลายรายก็เข้ามาพอสมควรแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นจังหวะในการขายภายใต้สถานะการณ์แบบนี้ในมุมมองของเขา แต่ไม่ควรตื่นตระหนกนะ เพราะมันน่าจะเป็นแค่ผลกระทบระยะสั้น อีกอย่างกฎที่ไม่ลงทุนในประเทศมีประกาศอัยกาารศึก ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกกองทุนจะต้องทำ อีกอย่างกองทุนไทยก็ไม่มีกฎเกณฑ์นี้ ส่วนดัชนีฯ จะเป็นอย่างไรในวันนี้และระยะสั้นๆ ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ ขึ้นอยู่กับผู้เล่นในตลาด ว่าคิดอย่างไร ไม่มีใครรู้จริงหรอก บางคนอาจซื้อ เพราะถือเงินสดนานแล้ว บางคนอาจห่วงก็เลยขาย ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อย่ากังวล ใช้สติในการลงทุน อย่าเชื่อข่าวลือ สำรวจตัวเองใช้ชัดว่าลงทุนในลักษณะไหน ที่สำคัญให้ดูปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ดูภาพใหญ่ ดูระยะยาว" นางวรวรรณ กล่าว
ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงทันทีตั้งแต่เปิดการซื้อขาย โดยเวลาประมาณ 9.57 น. ดัชนีฯอยู่ที่ 1,392.73 จุด ลดลง 17.90 จุด หรือ 1.29%
นายกส.ค้าทอง เผยร้านทองยังไม่ได้รับผลกระทบจากกฎอัยการศึก แต่ไม่ประมาทพร้อมประเมินสถานการณ์วันต่อวัน
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย "ถึงการประกาศกฎอัยการศึกของกองทัพบกในวันนี้ว่า เบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดทองคำ เนื่องจากทุกร้านยังคงเปิดทำการตามปกติ แต่ทั้งนี้ทางสมาคมได้ติดตามข่าวการเมืองอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีพัฒนาการไปในทางด้านใดเพื่อรอประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน
ส่วนมาตรการการดูแลร้านทองของทางสมาคมฯ ในการณีที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง ขณะนี้ยังไม่มีออกมาเป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯ จะแจ้งเตือนร้านค้าทองสมาชิกทันทีหากเกิดความรุนแรงทางการเมือง
"ตอนนี้ยังต้องตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบอะไร แต่ทุกครั้งที่มีความรุนแรงทางการเมืองทางสมาคมจะแจ้งให้ร้านทองปิดร้านเพื่อความปลอดภัย" นายจิตติ กล่าว
สมาคมแลกเปลี่ยนเงินตรา ตปท.มองกฏอัยการศึกกระทบ ศก.ช่วงสั้น
นางชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ นายกสมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ TAFEX เปิดเผยว่า จากการที่ทาง ผบ.ทบ.ประกาศกฎอัยการศึกออกมา มองว่าอาจจะมีผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทุกอาชีพ และอาจจะเกิดการกระทบกับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ส่วนเงินตราต่างประเทศนั้นก็อาจจะกระทบได้ แต่คิดว่าเป็นแค่ช่วงระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่าหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจะเป็นไปในทิศทางที่ดีแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
"ก็มีความหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมและเป็นฐานให้กับประเทศเพื่อนบ้านในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และยังมีความพร้อมในเศรษฐกิจ แม้จะเกิดวิกฤติต่างๆ ที่ผ่านมา แต่คิดว่าเป็นแค่ชั่วคราว และหากฟื้นตัวก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว" นางชนาพร กล่าว
หอการค้าไทย ชี้กฎอัยการศึกยังไม่กระทบภาคธุรกิจในระยะสั้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า หลังจากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้ว ผลกระทบต่อภาคธุรกิจในระยะสั้นคงจะยังไม่มีอะไรมาก แต่ภาคเอกชนหวังว่าคู่ขัดแย้งควรจะหาโอกาสเจรจากันเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุด โดยขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
"ในระยะสั้นคงยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร อยากให้คู่ขัดแย้งมองประเทศชาติเป็นหลัก พูดคุยหาทางออกประเทศ เพราะการชุมนุมก็ล่วงเลยมา 6 เดือนแล้ว มีผลกระทบกับทุกภาคส่วน เราอยากเห็นว่ามีการพูดคุยกัน"ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าว
พร้อมระบุว่า หอการค้าไทยได้มีการชี้แจงไปยังหอการค้าต่างประเทศแล้วว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรให้เป็นที่กังวลต่อภาคธุรกิจ เพราะการประกาศกฎอัยการศึกเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ซึ่งหอการค้าแต่ละประเทศที่ได้รับทราบข้อมูลก็จะได้นำข้อมูลนี้ไปแจ้งกับสมาคมการค้าต่างๆ ให้รับทราบต่อไป
อย่างไรก็ดี นายอิสระ แสดงความเป็นห่วงการจัดงานไทยเฟ็กซ์ เวิลด์ ออฟ ฟู้ดส์ เอเชีย 2014 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค.นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่มีชาวต่างชาติตอบรับจะเข้าร่วมงานนี้นับหมื่นคน โดยขณะนี้ทางผู้จัดงานกำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์
"กังวลการจัดงานไทยเฟ็กซ์ ที่เมืองทอง 21-25 พ.ค. กำลังประเมินกันอยู่ เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่มาก มีชาวต่างชาติมานับหมื่นรายร่วมแสดงสินค้า"นายอิสระ กล่าว
ส.อ.ท. เชื่อกฎอัยการศึก ช่วยการเมืองคลี่คลาย แต่อาจกระทบบางอุตสาหกรรม
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย แต่กังวลการไปสู่ความรุนแรง และปะทะกัน ซึ่งจะฉุดทำให้เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ประเทศเสียหายทันที ดังนั้นในการประกาศกฎอัยการศึก ถือเป็นมาตรการที่ฝ่ายความมั่นคง ประเมินแล้วว่าอาจเกิดปะทะหรือความรุนแรง จึงยับยั้งสถานการณ์ไว้ก่อน ซึ่งส่งผลกระทบแน่นอนกับบางอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะกฎอัยการศึก คล้ายกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้บริษัททัวร์ต่างชาติระมัดระวังและไม่กล้าเดินทางเข้าประเทศไทย
ทั้งนี้ การมีทหารมาควบคุมเบื้องต้นอาจทำให้การใช้ชีวิตไม่มีปัญหาแต่หลังประกาศกฎอัยการศึก ทำให้เงินบาทอ่อนตัวลง เป็นตัวชี้ที่สะท้อนว่า ต่างชาติกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังเร็วเกินไป ที่จะประเมินผลกระทบอย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนและต่างชาติ จะจับตาดูว่าหลังใช้กฎอัยการศึก จะมีการประกาศมาตรการใดตามมา
นอกจากนี้ นายเกรียงไกร กล่าวว่า ภาคธุรกิจประกาศตลอดเวลาว่าต้องการให้สถานการณ์การเมืองกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่ปิดกิจการปจำนวนมาก เชื่อว่า กฎอัยการศึก จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย จากการที่ทหารเข้ามาควบคุมไม่ให้เกิดการปะทะ และกลับสู่โหมดการเจรจากัน
ม.หอการค้าไทย มองกฏอัยการศึกช่วยป้องการเหตุรุนแรงทางการเมือง เชื่อหนุนจีดีพี Q2/57 โต 0-1% ระบุ ยังต้องเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับ 'สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย'ว่า การที่กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึก นั้นเพื่อเป็นการช่วยปัองกันเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรง จากการชุมนุมของผู้ชุมนุมทั้งฝ่าย กปปส.และ นปช. รวมถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากผู้ที่จะสร้างสถานการณ์ ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นก็จะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 อาจจะถึงขั้นติดลบเล็กน้อย โดยสถานการณ์ทางการเมืองยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ว่า ปัญหาจะคลี่คลายลงในลักษณะใด
ทั้งนี้ แม้จะมีการประกาศใช้กฏอัยการศึก แต่ ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังมองว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ 0-1% ซึ่งยังต้องติดตามดูสถานการณ์ว่าการเมืองจะคลี่คลายอย่างไร และต่อจากนี้ไปภาพของการเมืองเริ่มจะชัดเจนขึ้นแล้วว่าจะเดินไปทางไหน
"การที่ทหารออกมาอย่างนี้ในช่วงสั้นอาจจะมีผลกระทบต่อหุ้นไทยและค่าเงินบาทบ้าง โดยความจริงแลัว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ไม่ควรที่จะติดลบ"ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
CENTEL เผยยังไม่มีการขอยกเลิกห้องพัก หลังประกาศกฎอัยการศึก เชื่อกระทบไม่มาก เหตุใกล้เคียง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน - ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ 2 หมื่นลบ.
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายการเงินบัญชี บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนช์ไทย" ว่า ขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าขอยกเลิกห้องพัก โดยเช้านี้มีลูกค้าบางรายติดต่อสอบถามถึงสถานการณ์เข้ามาบ้าง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ ซึ่งบริษัทฯ ขอเวลาประเมินผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึกประมาณ 2-3 วัน แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการจองห้องพักมากนัก เนื่องจากกฎอัยการศึกนั้นคล้ายคลึงกับการประกาศบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งหากจะส่งผลต่อการเข้าพักก็คงจะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน โดยในช่วงนั้นอัตราการเข้าพัก หายไปกว่า 30% อยู่ที่ราว 48% และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลักจากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ล่าสุดอยู่ที่ประมาณกว่า 50%
"ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติคงจะ Wait & See ส่วนลูกค้าที่จองโรงแรมของเราไว้แล้วก็ได้มีสอบถามกันเข้ามาบ้าง แต่ขอดูสถานการณ์ก่อน ตอนนี้คงเร็วไปที่จะด่วนสรุป และยังไม่มีการขอยกเลิกห้องพักเข้ามา ด้านผลกระทบถ้ามีก็คงจะเหมือนกับใน Q1 ที่ผ่านมา เพราะกฎอัยการศึก ไม่มีเคอร์ฟิว ไม่ใช่ปฏิวัติ ลักษณะก็เหมือนกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกคนยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ การที่ทหารออกมาก็เพื่อดูแลความสงบที่เกรงว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น" นายรณชิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 20,000 ล้านบาท จากการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ ได้แก่ โรงแรมในมัลดีฟ 2 แห่ง ซึ่งรายได้ในปีก่อนอยู่ที่ 15% ของรายได้รวม ส่วนในไตรมาส 1/57 สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 22% โดยคาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 18-20% ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ในประเทศได้
'เกศรา' เชื่อนลท. คาดหวังกฎอัยการศึกแก้ปัญหาการเมือง มองภาพรวมตลาดไม่ทรุดหนักถึงขั้นใช้ circuit breaker
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ว่าที่กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ทุกครั้งที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในวันแรกจะกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลง ซึ่งครั้งที่มีการปฏิวัติดัชนีฯ ปรับลดลงรุนแรงกว่านี้ แต่ในครั้งนี้เป็นกฎอัยการศึกซึ่งมีรุนแรงน้อยกว่า ทำให้คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าประเทศไทยจะหาทางออกได้
ทั้งนี้ มองว่าตลาดทุนไทยที่มีความผันผวนเป็นเรื่องปกติ โดยในครั้งนี้สร้างความกังวลไม่มาก และจากภาพรวมการลงทุนในช่วงเช้าที่ผ่านมา เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ circuit breaker ซึ่งระบบการทำงาน SET และ TFEX ทางพนักงานและทีมงานมีการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมตลอดเวลา
"อยากให้นักลงทุนพิจารณาว่าในเชิงเทคนิคว่า ถ้า SET ปรับขึ้นมา ในเชิงเทคนิคมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวลดลงอยู่แล้ว ตอนนี้ดัชนีถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่ panic มากเกินไป"นางเกศรา กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย