WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

นิด้า เชื่อ Q3 เศรษฐกิจไทยฟื้นแน่

     บ้านเมือง : รายงานข่าวจากคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง 0.1% โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 1.8% และขยายตัวเพิ่มเป็น 5.4% ในปี 58 สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยจะเริ่มจากการบริโภคภาคเอกชนที่จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 ส่วนการลงทุนจะเริ่มฟื้นตัวช้ากว่าคือ ไตรมาสที่ 4 ทำให้ทั้งปี 2557 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัว 1.8% โดยการฟื้นตัวที่ช้านี้มาจากการส่งออกที่คาดว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปี 2557 กลับปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี ทำให้เศรษฐกิจในปี 2557 ขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ช่วงมิถุนายน ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% คาดว่าในปี 2558 การส่งออกน่าจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของสหรัฐ ทำให้ในปี 2558 เศรษฐกิจน่าจะขยายตัว 5.4% ได้

    โดยปัจจัยที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจในปี 58 ปรับตัวสูง มาจากการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนการฟื้นตัวในปี 2558 เช่นเดียวกับการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น แต่การนำเข้าก็จะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 57 คาดว่าอยู่ที่ 2.1% และ 1.5% ตามลำดับซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำโดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เพราะราคาน้ำมันในปีนี้มีการปรับตัวขึ้นไม่มากทำให้ดัชนีราคาพลังงานน่าจะปรับตัวขึ้น 3.6% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2553-2556 ซึ่งดัชนีราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 7.5% โดยเฉลี่ย ดังนั้นคาดว่าในปี 2557 ปัญหาเกี่ยวกับเสถียรภาพเงินเฟ้อจะไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 เป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมในการปรับขึ้นราคาพลังงานในประเทศ เช่น LPG, NGV เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาในภาพรวมที่น้อยเมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2558 น่าจะอยู่ที่ 2.6% และ 1.8% ตามลำดับ ซึ่งแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเสถียรภาพเศรษฐกิจ

    ส่วนค่าเงินบาทในปี 57 คาดว่าเคลื่อนไหวระดับประมาณ 32.10-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยในไตรมาสที่ 1-3 ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวเป็นไปตามแนวโน้มของตลาดการเงินโลกที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นและแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐที่ลดการผ่อนคลายลง คาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/2557 ค่าเงินบาทน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 32.50 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเป็น 34.60 บาท/ดอลลาร์ในสิ้นปี 2558 เนื่องจากคาดว่าผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินสหรัฐจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลกแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2558 ส่วนนโยบายการเงินของไทยคาดว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าสหรัฐประมาณ 1-2 ไตรมาส เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาในครึ่งแรกของปี 2557 ทำให้คาดว่าการปรับดอกเบี้ยนโยบายการเงินเป็นร้อยละ 2.25 จะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ขณะที่การส่งออกปีนี้จะเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นและน่าจะขยายตัวได้ 5%

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!