WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ปธ.ทริส เผยสถาบันจัดอันดับฯคงมุมมองไทยดี แนะรัฐบาลกำหนดนโยบายศก.ให้ชัดขึ้น

    นายสันติ กีระนันทน์ ประธานบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด กล่าวในการสัมมนา“Thailand’s Banking Outlook and Hybrid Capital under BASEL III"เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่า มุมมองของบริษัทจัดอันดับเครดิตในต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทยในปัจจุบันยังค่อนข้างดี และยังไม่มีการปรับอันดับเครดิตลงจากระดับ BBB+ หลังจากเสถียรภาพทางการเมืองนิ่งขึ้น ประชาชนสามารถประกอบอาชีพและค้าขายได้ตามปกติ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน

    อีกทั้ง การมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แม้ว่าจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็มีการประกาศขอบเขตเวลาที่ชัดเจน ทำให้ความเชื่อมั่นของคนในประเทศเริ่มกลับฟื้นขึ้นมา และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 จะฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับ การเดินหน้าผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีความโปร่งใสในการลงทุนจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

    ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปี 58 จะเติบโต 5.5% ตามเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์ไว้ แต่ก็มองว่ายังมีปัจจัยลบที่เป็นความเสี่ยง เช่น รายได้ต่อหัวของประชากรยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ขณะที่ต่างชาติยังจับตาและกังวลเกี่ยวกับการเมือง ว่าจะสามารถทำตามสัญญาที่จะจัดการเลือกตั้งให้ได้ในกรอบเวลา 1 ปีหรือไม่

    นายสันติ กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ทำมากที่สุด คือ การกำหนดยุทธศาสตร์ให้กับประเทศไทยอย่างชัดเจน เพื่อให้ส่งผลดีในระยาวกลางและระยะยาว ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีทิศทางชัดเจนว่าเดินไปทางใดและอยู่จุดไหน เพราะจากที่เห็นนโยบายของรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นนโยบายกลางๆ ไม่มีการเฉพาะเจาะจง และไม่น่าสนใจมากนัก ซึ่งจะส่งผลแค่ในระยะสั้นเท่านั้น

    "การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่มองว่าก็เป็นไปตามธรรมชาติรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพราะเขาตั้งใจจะมาแก้ปัญหาภาพรวมของสังคมไม่ให้เกิดความแตกแยกก่อน ทำให้สังคมแข็งแกร่ง แต่นโยบายที่ออกมาก็ยังกว้างๆ ไม่กระทบกับเศรษฐกิจในกระยะกลาง-ยาว และไม่ wow ผมอยากให้รัฐบาลพูดเกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าเราจะไปอยู่จุดไหน เราจะเป็นอะไร ซึ่งมันจะส่งผลต่อเศรษกิจและภาพรวมในระยะกลาง-ยาว ไม่ใช่เฉพาะในระยะสั้น"นายสันติ กล่าว

     นายสันติ ยังกล่าวถึงแนวโน้มของภาคอุตสาหรรมในประเทศว่า หลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศทำให้กลุ่มอุตสาหกรรม 3 กลุ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยกลุ่มแรก คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ประกอบกับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา

    ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวขึ้นของกำลังซื้อภาคประชาชนที่ดีขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากการเมืองมีความสงบเรียบร้อย และ กลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มพลังงาน แนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างดีจากนโยบายการปฏิรูปพลังงาน แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะยังไม่เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ทุกคนจะได้รับประโยชน์ร่วมกันได้

   "sector ของพลังงานก็มีแนวโน้มที่ดีจาการปฏิรูปพลังงานใหม่ แต่ถ้าพูดจริงๆนะ ที่มีความเห็นของการปฏิรูปออกมา 2 ข้าง ก็เอาแต่ข้อมูลของตนเองที่ได้รับประโยชน์มาพูด ทำให้ยังไม่เห็นข้อเท็จจริงว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างไร"นายสันติ กล่าว

     สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มไม่ดีในครึ่งปีหลัง มองว่าเป็นกลุ่มสินค้าเกษตร, กลุ่มการผลิตและจัดจำหน่ายฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ส่งออก เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกำลังซื้อของของโลกในปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ทำให้กระทบต่อการส่งออก

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!