WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FEDFOMC ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง     

        สถานการณ์ เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และจะมีการปรับขึ้น3 ครั้งในปีหน้า และ 2 ครั้งในปี 2563

      การปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 จากแนวโน้มเศรษฐกิจได้แข็งแกร่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และจะมีเสถียรภาพใกล้กับเป้าหมายของเฟด

       ในประเทศ ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากเดิมคาดเติบโต 3.9% หลังเศรษฐกิจโลกดี หนุนส่งออกเพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง พร้อมยืนยันเงินบาทแข็งค่าไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศ แต่เป็นปัญหาจากสถานการณ์สหรัฐ และธปท.พร้อมเข้าดูแล หากเงินบาทเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

      อย่างไรก็ตาม สำหรับ ความท้าทายของภาคส่งออกไทย คือ นโยบายกีดกันทางการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และความต้องการสินค้า&บริการที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าได้ฉุดกำไรส่งออกติดลบครั้งแรกรอบ 1 ปี

      โดยการส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.พ.ปีนี้ มีมูลค่า 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.26% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน แต่เมื่อเทียบในรูปเงินบาทจะมีมูลค่า 6.43 แสนล้านบาท ลดลง 0.56% หรือติดลบครั้งแรกในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีก่อน ที่ลดลง 5.28%

      การส่งออกปี 2561 นี้ ทางก.พาณิชย์ คาดว่าจะ +8% สูงกว่าที่สำนักวิจัยต่างๆ ประเมินไว้ที่บวก 5-6% สินค้าเกษตรที่ส่งออกได้สูงขึ้นดี คือ ข้าว มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์

      ส่วนตัวเลขนำเข้ามีมูลค่า 19,557 ล้านเหรียญสหรัฐ (+16%YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 807 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเติบโตส่งออกมากจากการส่งออกสินค้าประเภทน้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์ ข้าว มันสำปะหลัง (แต่ราคาส่งออกยางพาราและน้ำตาลลดลงทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าสองรายการนี้หดตัว)

               อย่างไรก็ดี แนวโน้มในประเทศยังเป็นบวก จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ. 2018 อยู่ที่ 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงมีสัดส่วนสูงสุดราว 34% ขณะที่ในเดือน ก.พ. 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวจีน ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.2 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นได้ถึง 52% YoY เนื่องจากเทศกาลตรุษจีน สร้างรายได้รวม 384,153.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.47%

               ด้านส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.อยู่ที่ 89.9 ลดลงจาก 91.0 ในเดือนม.ค.และเป็นการลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน ผลจาก SME กังวลต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงความผันผวนค่าเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น

               หันมาดูตลาดทุนไทย Sentiment เริ่มดูดีขึ้น การเข้าเก็งกำไรสั้นๆ ต้องรับความเสี่ยงได้สูง หุ้นที่แนะนำให้หาจังหวะ Take profit AJ, VNT, MBK, MEGA, GPSC, VGI, CPALL และควร Stop เข้าสู่โหมด Wait&See เมื่อตลาดเผชิญกับปัจจัยการเมืองในประเทศ

               กลยุทธ์การลงทุน เน้น Selective รายตัว หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ S, ESSO, AP, AOT, SAT, TIPCO, BWG , MAJOR, PTTEP, TWPC, SCC, KWG, SOLAR และเด่น BANPU, EGCO, CPN, ERW, GLOBAL, MINT, PTTEP, SGP

              หุ้นได้ประโยชน์มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) CK, STEC, SEAFCO, AMATA, ROJNA, WHA

หุ้นปันผลดี AIT, AP, ASEFA, ESTAR, FTE, GLOW, KKP, KTB, LH, MCS, NYT, PDI, PL, QH, ROJNA, SC, SPRC, TKS

               สนุกสนานกับการลงทุน อีกหนึ่งเดือนครับพ้มๆๆๆ.......

 

สิงห์ทอง

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!